พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/101/252 253 254 255

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
เล่ม 30
หน้า 101
ท่านจงเป็นผู้มีสติเพ่งดูอากิญจัญญายตนสมาบัติ อาศัย สมาบัติอันเป็นไปว่า อะไรๆ น้อยหนึ่งไม่มี. ดังนี้แล้ว จงข้ามโอฆะเถิด ท่านจงละกามทั้งหลายแล้ว เว้นจาก ความสงสัยทั้งหลาย พิจารณาดูความสิ้นไปแห่งตัณหาตลอด คืนและวันเถิด.
[๒๕๒] (ท่านอุปสีวะทูลถามว่า) ผู้ใดปราศจากความกำหนัดในกามทั้งปวง ละสมาบัติอื่น อาศัยอากิญจัญญายตนสมาบัติ น้อมใจไปในสัญญาวิโมกข์ อย่างยิ่ง ผู้นั้นไม่มีความหวั่นไหว พึงดำรงอยู่ในอากิญ จัญญายตนสมาบัตินั้นหรือหนอ.
[๒๕๓] คำว่า สพฺเพสุ ในอุเทศว่า "สพฺเพสุ กาเมสุ โย วีตราโค" ดังนี้ ความว่า ทั้งปวงโดยกำหนดทั้งปวง ทั้งปวงโดยประการทั้งปวง ไม่เหลือ ไม่มีส่วนเหลือ. คำว่า สพฺเพสุ นี้ เป็นเครื่องกล่าวรวม. โดยอุทานว่า กาเมสุ กามมี ๒ อย่าง คือ วัตถุกาม ๑ กิเลส กาม ๑. ฯลฯ เหล่านี้เรียกว่า วัตถุกาม. ฯลฯ เหล่านี้เรียกว่า กิเลสกาม. คำว่า ผู้ใดปราศจากความกำหนัดในกามทั้งปวง ความว่า ผู้ใดปราศจากความกำหนัด คือ สละ คาย ปล่อย ละ สละคืน ข่มความกำหนัดในกามทั้งปวง เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ผู้ใดปราศจากความกำหนัดในกามทั้งปวง. คำว่า อิติ ในอุเทศว่า อิจฺจายสฺมา อุปสีโว เป็นบทสนธิ. คำว่า อายสฺมา เป็น เครื่องกล่าวด้วยความรัก คำว่า อุปสีโว เป็นชื่อ ฯลฯ เป็นคำร้องเรียกของพราหมณ์นั้น เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ท่านอุปสีวะทูลถามว่า.
[๒๕๔] คำว่า ละสมาบัติอื่น อาศัยอากิญจัญญายตนสมาบัติ ความว่า ละ เว้น สละ ล่วง ก้าวล่วง เป็นไปล่วงซึ่งสมาบัติ ๖ ชั้นต่ำแล้ว อาศัย คือ แอบอิง เข้ามา เข้ามาพร้อม ชอบใจ น้อมใจไปสู่อากิญจัญญายตนสมาบัติ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ละสมาบัติอื่น อาศัย อากิญจัญญายตนสมาบัติ.
[๒๕๕] คำว่า น้อมใจไปในสัญญาวิโมกข์อย่างยิ่ง ความว่า สัญญาสมาบัติ ๗ ท่าน กล่าวว่า สัญญาวิโมกข์. บรรดาสัญญาสมาบัตินั้น อากิญจัญญายตนสมาบัติเป็นวิโมกข์เลิศ