พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/111/192 193 194

สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
เล่ม 14
หน้า 111

[๑๙๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก อสัตบุรุษเข้าทุติยฌาน มีความผ่องใส แห่งใจภายใน มีความเป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะสงบวิตกและวิจาร ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติ และสุขเกิดแต่สมาธิอยู่...เข้าตติยฌาน...เข้าจตุตถฌาน อันไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะ ละสุข ละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีสติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา อยู่ ย่อมพิจารณา เห็นดังนี้ว่าเราเป็นผู้ได้จตุตถฌานสมาบัติ ส่วนภิกษุอื่นเหล่านี้ ไม่ใช่เป็นผู้ได้จตุตถฌาน สมาบัติ อสัตบุรุษนั้นจึงยกตน ข่มผู้อื่น ด้วยจตุตถฌานสมาบัตินั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้ นี้ก็คือ อสัปปุริสธรรม ฯ ส่วนสัตบุรุษแล ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า แม้จตุตถฌานสมาบัติ พระผู้มีพระภาคก็ ตรัสว่า ไม่มีตัณหาแล้ว เพราะคนทั้งหลายสำคัญกันด้วยเหตุใดๆเหตุนั้นๆ ย่อมเป็นอย่าง อื่นจากที่สำคัญนั้น สัตบุรุษนั้นทำความไม่มีตัณหาแต่ภายในเท่านั้น ไม่ยกตน ไม่ข่มผู้อื่น ด้วยจตุตถฌานสมาบัตินั้น ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย แม้นี้ก็คือ สัปปุริสธรรม ฯ
[๑๙๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก อสัตบุรุษเข้าอากาสานัญจายตนฌาน ด้วยมนสิการว่า อากาศไม่มีที่สุด อยู่ เพราะล่วงรูปสัญญาได้โดยประการทั้งปวง เพราะดับ ปฏิฆสัญญาได้ เพราะไม่มนสิการนานัตตสัญญา ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า เราเป็นผู้ได้อากา สานัญจายตนสมาบัติ ส่วนภิกษุอื่นเหล่านี้ ไม่ใช่เป็นผู้ได้อากาสานัญจายตนสมาบัติ อสัตบุรุษ นั้นจึงยกตน ข่มผู้อื่น ด้วยอากาสานัญจายตนสมาบัตินั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้นี้ก็คือ อสัปปุริสธรรม ฯ ส่วนสัตบุรุษแล ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า แม้อากาสานัญจายตนสมาบัติ พระผู้มีพระภาค ก็ตรัสว่า ไม่มีตัณหาแล้ว เพราะคนทั้งหลายสำคัญกันด้วยเหตุ ใดๆ เหตุนั้นๆ ย่อมเป็น อย่างอื่นจากที่สำคัญนั้น สัตบุรุษนั้นทำความไม่มีตัณหาแต่ภายในเท่านั้น ไม่ยกตน ไม่ข่ม ผู้อื่น ด้วยอากาสานัญจายตนสมาบัตินั้นดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้นี้ก็คือ สัปปุริสธรรม ฯ
[๑๙๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก อสัตบุรุษล่วงอากาสานัญจายตนฌาน โดยประการทั้งปวงแล้ว เข้าวิญญาณัญจายตนฌานด้วยมนสิการว่าวิญญาณไม่มีที่สุด อยู่ ย่อม