พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/115/200 201 202
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
[๒๐๐] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสแล้วอย่างนี้ ท่านพระสารีบุตรได้ทูลพระผู้มีพระภาค
ดังนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรมบรรยายนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสโดยย่อ มิได้ทรงจำแนกเนื้อ
ความโดยพิสดาร ข้าพระองค์ทราบเนื้อความได้ โดยพิสดารอย่างนี้
ข้อที่พระผู้มีพระภาคตรัสดังนี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวความ ประพฤติทางกาย
โดยส่วน ๒ คือ ที่ควรเสพอย่าง ๑ ที่ไม่ควรเสพอย่าง ๑ ทั้ง ๒ อย่างนั้น แต่ละอย่าง
เป็นความประพฤติทางกายด้วยกัน นั้น พระผู้มีพระภาคทรงอาศัยอะไรตรัสแล้ว ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ เมื่อเสพความประพฤติทางกายเช่นใด อกุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง กุศลธรรมย่อมเสื่อมไป
ความประพฤติทางกายเช่นนี้ ไม่ควรเสพ และเมื่อเสพความประพฤติทางกายเช่นใดอกุศลธรรม
ย่อมเสื่อมไป กุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง ความประพฤติทางกายเช่นนี้ควรเสพ ฯ
[๒๐๑] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อเสพความประพฤติทางกายมีรูปอย่างไร อกุศลธรรม
จึงเจริญยิ่ง กุศลธรรมจึงเสื่อมไป ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มักทำ
ชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง คือ เป็นคนเหี้ยมโหด มีมือเปื้อนเลือด หมกมุ่นในการประหัตประหาร
ไม่เอ็นดูในเหล่าสัตว์มีชีวิต อนึ่งเป็นผู้มักถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้ คือ ถือเอาอุปกรณ์
เครื่องปลื้มใจของผู้อื่นที่อยู่ในบ้านหรือในป่า อันเจ้าของเขาไม่ให้ ด้วยความเป็นขโมย อนึ่ง
เป็นผู้มักประพฤติผิดในกาม คือ เป็นผู้ละเมิดจารีตในหญิงที่มารดารักษาบ้าง หญิงที่บิดารักษา
บ้าง หญิงที่ทั้งมารดาและบิดารักษาบ้าง หญิงที่พี่ชายรักษาบ้าง หญิงที่พี่สาวรักษาบ้าง หญิงที่
ญาติรักษาบ้าง หญิงที่ยังมีสามีอยู่บ้าง หญิงที่มีสินไหมติดตัวอยู่บ้าง ที่สุดแม้หญิงที่ชายคล้องพวง
ดอกไม้หมั้นไว้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อเสพความประพฤติทางกายมีรูปอย่างนี้ อกุศลธรรม
จึงเจริญยิ่ง กุศลธรรมจึงเสื่อมไป ฯ
[๒๐๒] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อเสพความประพฤติทางกายมีรูปอย่างไร อกุศลธรรม
จึงเสื่อมไป กุศลธรรมจึงเจริญยิ่ง ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บุคคลบางคนในโลกนี้ เพราะละ
ปาณาติบาต จึงเป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต วางอาชญา วางศาตราแล้ว มีความละอาย ถึง
ความเอ็นดู อนุเคราะห์ด้วยความเกื้อกูลในสรรพสัตว์และภูตอยู่ เพราะละอทินนาทาน จึง
เป็นผู้เว้นขาดจากอทินนาทาน ไม่ ถือเอาอุปกรณ์เครื่องปลื้มใจของผู้อื่น ที่อยู่ในบ้านหรือในป่า