พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/116/298 299 300 301 302
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
[๒๙๘] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรนันทะ)
สมณพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่งนี้ ย่อมกล่าวความหมดจด
ด้วยการเห็นและด้วยการสดับบ้าง ด้วยศีลและวัตรบ้าง
ด้วยมงคลหลายชนิด. เราย่อมกล่าวว่า สมณพราหมณ์
เหล่านั้น ถึงแม้เป็นผู้สำรวมแล้วประพฤติอยู่ในทิฏฐินั้น
แต่ก็ข้ามซึ่งชาติและชราไปไม่ได้.
[๒๙๙] คำว่า เยเกจิ ความว่า ทั้งปวงโดยกำหนดทั้งปวง ทั้งปวงโดยประการทั้งปวง
ไม่เหลือ ไม่มีส่วนเหลือ. คำว่า เยเกจิ นี้ เป็นเครื่องกล่าวรวมหมด. ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่ง
เข้าถึงการบวช ถึงพร้อมด้วยการบวชภายนอก แต่พุทธศาสนานี้ชื่อว่าสมณะ. ชนเหล่าใด
เหล่าหนึ่งอ้างว่าตนมีวาทะเจริญ ชื่อว่าพราหมณ์. เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า สมณพราหมณ์เหล่าใด
เหล่าหนึ่งนี้. พระผู้มีพระภาคย่อมตรัสเรียกพราหมณ์นั้นโดยชื่อว่า นันทะ ในอุเทศว่า นนฺทาติ
ภควา ดังนี้.
คำว่า ภควา นี้ เป็นเครื่องกล่าวโดยเคารพ ฯลฯ คำว่า ภควา นี้ เป็นสัจฉิกาบัญญัติ
เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรนันทะ.
[๓๐๐] คำว่า ย่อมกล่าวความหมดจดด้วยการเห็นและการฟังบ้าง ความว่า ย่อมกล่าว
ย่อมพูด ย่อมบอก ย่อมแสดง ย่อมบัญญัติ ซึ่งความหมดจด ความหมดจดวิเศษ ความบริสุทธิ์
ความพ้น ความพ้นวิเศษ ความพ้นรอบ ด้วยการเห็นบ้าง ... ด้วยการสดับบ้าง ... ด้วยการเห็น
และสดับบ้าง เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า ย่อมกล่าวความหมดจดด้วยการเห็นและด้วยการสดับบ้าง.
[๓๐๑] คำว่า ย่อมกล่าวความหมดจดด้วยศีลและวัตรบ้าง ความว่า ย่อมกล่าว ...
ย่อมบัญญัติความหมดจด ... ความพ้นรอบด้วยศีลบ้าง ... ด้วยวัตรบ้าง ... ด้วยศีลและวัตรบ้าง
เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า ย่อมกล่าวความหมดจดด้วยศีลและวัตรบ้าง.
[๓๐๒] คำว่า ย่อมกล่าวความหมดจดด้วยมงคลหลายชนิด ความว่า ย่อมกล่าว ...
ย่อมบัญญัติด้วยมงคลคือวัตรและความตื่นข่าวมากอย่าง เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า ย่อมกล่าวความ
หมดจดด้วยมงคลหลายชนิด.