พระสุตตันตปิฎกไทย: 32/116/55
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑
อันประเสริฐ แวดล้อมด้วยภิกษุสงฆ์ ทรงรุ่งเรืองดังกองไฟ พระผู้มี
พระภาคผู้มีพระจักษุ ไม่ทรงกำเริบดังมหาสมุทร หาผู้ต้านทานได้ยาก ดุจ
อรรณพ ไม่ทรงครั่นคร้ามเหมือนราชสีห์ทรงแสดงธรรม พระศาสดา
พระนามว่าปทุมุตระ ทรงทราบความดำริของเรา ประทับยืนในท่ามกลาง
ภิกษุสงฆ์ ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า ผู้ใดได้ถวายอัญชลีนี้ และเชยชม
พุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด ผู้นั้นจักได้เสวยเทวรัชสมบัติตลอด ๖ หมื่นกัลป
ในแสนกัลป พระสัมพุทธเจ้าพระนามว่าอังคีรสะ ผู้มีกิเลสดังหลังคา
เปิด จักเสด็จอุบัติในภพนั้น ผู้นั้นจักเป็นโอรสผู้รับมรดกในธรรมของ
พระสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นอันธรรมนิรมิตแล้ว จักเป็นพระอรหันต์มีชื่อว่า
สตรังสี เรามีอายุ ๗ ปีโดยกำเนิด ออกบวชเป็นบรรพชิตมีชื่อว่าสตรังสี
รัศมีของเราแผ่ออกไป เรามักเพ่งฌานยินดีในฌานอยู่ที่มณฑปหรือโคนไม้
เราทรงกายอันเป็นที่สุด อยู่ในศาสนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตลอด
๖ หมื่นกัลป ได้มีพระเจ้าจักรพรรดิ ๔ พระองค์ ทรงพระนามว่าโรมะ
ทรงสมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มีพลมาก คุณวิเศษเหล่านี้ คือ
ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธ
ศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระสตรังสิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ สตรังสิยเถราปทาน
สยนทายกเถราปทานที่ ๓ (๕๓)
ว่าด้วยผลแห่งการถวายที่นอน
[๕๕] เรามีจิตเลื่อมใส ได้ถวายที่นอนแด่พระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตระ
ผู้ทรงอนุเคราะห์โลกทั้งปวง พระองค์นั้น ด้วยการถวายที่นอนนั้น
โภคสมบัติย่อมเกิดแก่เรา เปรียบเหมือนพืช (ข้าวกล้า) สำเร็จในนาดี
นี้เป็นผลแห่งการถวายที่นอน เราย่อมสำเร็จการนอนในอากาศ ย่อมทรง