พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/117/303 304 305
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
[๓๐๓] คำว่า กิญฺจาปิ ในอุเทศว่า กิญฺจาปิ เต ตตฺถ ยตา จรนฺติ เป็นบทสนธิ
เป็นบทเกี่ยวเนื่อง เป็นเครื่องทำบทให้เต็ม เป็นความพร้อมเพรียงแห่งอักขระ เป็นความ
สละสลวยแห่งพยัญชนะ. บทว่า กิญฺจาปิ นี้ เป็นไปตามลำดับบท คำว่า เต คือ พวก
สมณพราหมณ์ผู้มีทิฏฐิ. คำว่า ตตฺก ความว่า ในทิฏฐิของตน ในความควรของตน ในความ
ชอบใจของตน ในลัทธิของตน. คำว่า ยตา ความว่า เป็นผู้สำรวม สงวน คุ้มครอง รักษา
ระวัง.
คำว่า จรนฺติ ความว่า เที่ยวไป ... เยียวยา เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า ถึงแม้สมณพราหมณ์
เหล่านั้นเป็นผู้สำรวมแล้ว ประพฤติอยู่ในทิฏฐินั้น.
[๓๐๔] คำว่า เราย่อมกล่าวว่า ... ข้ามชาติและชราไปไม่ได้ ความว่า เราย่อมกล่าว ...
ย่อมประกาศว่า ข้าม ข้ามขึ้น ข้ามพ้น ก้าวล่วง เป็นไปล่วงซึ่งชาติ ชราและมรณะไปไม่ได้
คือ ไม่ออก ไม่สละ ไม่ก้าวล่วง ไม่เป็นไปล่วงจากชาติ ชราและมรณะ ย่อมวนเวียนอยู่
ภายในชาติ ชราและมรณะ วนเวียนอยู่ภายในทางสงสาร ไปตามชาติ ชราก็แล่นตาม พยาธิก็
ครอบงำ มรณะก็ห้ำหั่น ไม่มีที่ต้านทาน ไม่มีที่เร้น ไม่มีสรณะ ไม่มีที่พึ่ง เพราะฉะนั้นจึงชื่อ
ว่า เราย่อมกล่าวว่า ข้ามชาติและชราไปไม่ได้ เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า
สมณพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่งนี้ ย่อมกล่าวความหมดจด ด้วย
การเห็นและด้วยการสดับบ้าง ด้วยศีลและวัตรบ้าง ด้วยมงคล
หลายชนิด. เราย่อมกล่าวว่า สมณพราหมณ์เหล่านั้น ถึงแม้
เป็นผู้สำรวมแล้วประพฤติอยู่ในทิฏฐินั้น แต่ก็ข้ามซึ่งชาติและ
ชราไปไม่ได้.
[๓๐๕] (ท่านพระนันทะทูลถามว่า)
สมณพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่งนี้ ย่อมกล่าวความหมดจด ด้วย
การเห็นและการสดับบ้าง ด้วยศีลและวัตรบ้าง ด้วยมงคล
หลายชนิดบ้าง. ถ้าพระองค์ผู้เป็นพระมุนีตรัสสมณพราหมณ์
เหล่านั้นว่า ข้ามโอฆะไปไม่ได้แล้ว. ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์
เมื่อเป็นอย่างนั้น บัดนี้ใครเล่าในเทวโลกและมนุษยโลก ข้าม