พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/119/311 312
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
ไปตามชาติ ชราก็แล่นตาม พยาธิก็ครอบงำ มรณะก็ห้ำหั่น ไม่มีที่ต้านทาน ไม่มีที่ซ่อนเร้น
ไม่มีสรณะ ไม่มีที่พึ่ง.
คำว่า ย่อมตรัส คือ ย่อมตรัส ... ย่อมประกาศ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ถ้าพระองค์ผู้
เป็นมุนีย่อมตรัสว่า สมณพราหมณ์เหล่านั้นข้ามโอฆะไปไม่ได้แล้ว.
[๓๑๑] คำว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ เมื่อเป็นดังนั้น ในบัดนี้ ใครเล่าในเทวโลก
และมนุษยโลก ข้ามชาติและชราไปได้ ความว่า เมื่อเป็นดังนั้น ใครนั้นในโลกพร้อมทั้งเทวโลก
มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ ข้ามได้แล้ว คือ
ข้ามขึ้นแล้ว ข้ามพ้นแล้ว ล่วงแล้ว ก้าวล่วงแล้ว เป็นไปล่วงแล้วซึ่งชาติ ชราและมรณะ.
คำว่า มาริส เป็นเครื่องกล่าวด้วยความรัก เป็นเครื่องกล่าวด้วยความเคารพ. คำว่า
มาริส นี้ เป็นเครื่องกล่าวเป็นไปกับด้วยความเคารพและความยำเกรง เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ เมื่อเป็นดังนั้น ในบัดนี้ ใครเล่าในเทวโลกและมนุษยโลกข้ามชาติและ
ชราไปได้แล้ว.
[๓๑๒] คำว่า ปุจฺฉามิ ตํ ในอุเทศว่า ปุจฺฉามิ ตํ ภควา พฺรูหิ เม ตํ ดังนี้
ความว่า ข้าพระองค์ขอทูลถาม คือ ทูลขอ ทูลเชื้อเชิญ ทูลให้ประสาทซึ่งปัญหานั้นว่า ขอ
พระองค์จงตรัสบอกปัญหานั้นแก่ข้าพระองค์ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ข้าพระองค์ขอทูลถาม
ปัญหานั้น.
คำว่า ภควา นี้ เป็นเครื่องกล่าวโดยเคารพ ฯลฯ คำว่า ภควา นี้ เป็น สัจฉิกาบัญญัติ,
คำว่า ขอพระองค์โปรดตรัสบอกปัญหานั้นแก่ข้าพระองค์ ความว่า ขอพระองค์โปรด
ตรัส ... โปรดประกาศ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ขอทูลถามปัญหา
นั้น ขอพระองค์โปรดตรัสบอกปัญหานั้นแก่ข้าพระองค์. เพราะเหตุนั้น พราหมณ์นั้นจึงกล่าวว่า
สมณพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่งนี้ ย่อมกล่าวความหมดจด ด้วย
การเห็นและการสดับบ้าง ด้วยศีลและวัตรบ้าง ด้วยมงคล
หลายชนิดบ้าง. ถ้าพระองค์ผู้เป็นพระมุนีตรัสพราหมณ์เหล่านั้น
ว่า ข้ามโอฆะไปไม่ได้แล้ว. ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ เมื่อเป็น
อย่างนั้น บัดนี้ ใครเล่าในเทวโลกและมนุษยโลก ข้ามชาติและ