พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/120/313 314 315 316
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
ชราไปได้แล้ว. ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ขอทูลถาม
ปัญหานั้น. ขอพระองค์โปรดตรัสบอกปัญหานั้นแก่ข้าพระองค์.
[๓๑๓] (พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรนันทะ) เราย่อมไม่กล่าวว่า
สมณพราหมณ์ทั้งหมดเป็นผู้อันชาติและชราหุ้มห่อแล้ว. เราย่อม
กล่าวว่า นรชนเหล่าใดละแล้วซึ่งรูปที่ได้เห็น เสียงที่ได้ยิน
อารมณ์ที่ได้ทราบ ศีลและวัตรทั้งปวง ทั้งละแล้วซึ่งมงคล
หลายชนิดทั้งหมด กำหนดรู้ตัณหาแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะ
นรชนเหล่านั้นแล เป็นผู้ข้ามโอฆะได้แล้ว.
[๓๑๔] คำว่า เราย่อมไม่กล่าวว่า สมณพราหมณ์ทั้งหมดเป็นผู้อันชาติและชราหุ้มห่อ
แล้ว ความว่า ดูกรนันทะ เราย่อมไม่กล่าวว่า สมณพราหมณ์ทั้งหมดเป็นผู้อันชาติและชราร้อย
ไว้แล้ว หุ้มไว้แล้ว คลุมไว้แล้ว ปิดไว้แล้ว บังไว้แล้ว ครอบไว้แล้ว. เราย่อมกล่าว คือ
ย่อมบอก ... ทำให้ตื้นว่า สมณพราหมณ์เหล่าใด ละชาติ ชราและมรณะแล้ว ตัดรากขาดแล้ว
ทำให้ไม่มีที่ตั้งดังตาลยอดด้วน ให้ถึงความไม่มี มีความไม่เกิดขึ้นต่อไปเป็นธรรมดา สมณพราหมณ์
เหล่านั้นมีอยู่ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า เราย่อมไม่กล่าวว่า สมณพราหมณ์ทั้งหมดเป็นผู้อันชาติ
และชราหุ้มห่อไว้แล้ว.
[๓๑๕] คำว่า นรชนเหล่าใดละแล้วซึ่งรูปที่ได้เห็น เสียงที่ได้ยิน อารมณ์ที่ได้ทราบ
ศีลและวัตรทั้งปวง ความว่า นรชนเหล่าใดละแล้ว คือ สละแล้ว บรรเทาแล้ว ทำให้สิ้นสุด
แล้ว ให้ถึงความไม่มีแล้ว ซึ่งความหมดจดด้วยการเห็นทั้งปวง ... ซึ่งความหมดจดด้วยการฟัง
ทั้งปวง ... ซึ่งความหมดจดทั้งด้วยการเห็นและด้วยการฟังทั้งปวง ... ซึ่งความหมดจดด้วยการได้
ทราบทั้งปวง ... ซึ่งความหมดจดด้วยศีลทั้งปวง ... ซึ่งความหมดจดด้วยวัตรทั้งปวง ... ซึ่งความหมด
จดทั้งด้วยศีลและวัตรทั้งปวง เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า นรชนเหล่าใดละแล้วซึ่งรูปที่ได้เห็น
เสียงที่ได้ยิน อารมณ์ที่ได้ทราบ หรือแม้ศีลหรือวัตรทั้งปวง.
[๓๑๖] คำว่า ทั้งละแล้วซึ่งมงคลหลายชนิดทั้งปวง ความว่า ละแล้ว คือ ละขาด
แล้ว บรรเทาแล้ว ทำให้สิ้นสุดแล้ว ให้ถึงความไม่มีแล้ว ซึ่งความหมดจด คือ ความหมด
จดวิเศษ ความบริสุทธิ์ ความพ้น ความพ้นวิเศษ ความพ้นรอบ ด้วยมงคลคือวัตรและความ
ตื่นข่าวมากอย่าง เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า ทั้งละแล้วซึ่งมงคลหลายชนิดทั้งปวง.