พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/122/318 319 320

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
เล่ม 30
หน้า 122
แล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะ นรชนเหล่านั้นแล ข้ามโอฆะได้แล้ว. เพราะเหตุนั้นพระผู้มีพระภาค จึงตรัสว่า เราย่อมไม่กล่าวว่า สมณพราหมณ์ทั้งหมดเป็นผู้อันชาติและ ชราหุ้มห่อแล้ว เราย่อมกล่าวว่า นรชนเหล่าใดละแล้วซึ่ง รูปที่ได้เห็น เสียงที่ได้ยิน อารมณ์ที่ได้ทราบ ศีลและวัตร ทั้งปวง ทั้งละแล้วซึ่งมงคลหลายชนิดทั้งหมด กำหนดรู้ ตัณหาแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะ นรชนเหล่านั้นแล เป็นผู้ ข้ามโอฆะได้แล้ว.
[๓๑๘] ข้าแต่พระโคดม ข้าพระองค์ย่อมชอบใจพระวาจานั้น อัน พระองค์ผู้เป็นพระมเหสี (ผู้แสวงหาธรรมใหญ่) ตรัสดีแล้ว ไม่มีอุปธิ. แม้ข้าพระองค์ก็กล่าวว่า นรชนเหล่าใดละแล้ว ซึ่งรูปที่ได้เห็น เสียงที่ได้ยิน อารมณ์ที่ได้ทราบ ศีลและ วัตรทั้งปวง ทั้งละแล้วซึ่งมงคลหลายชนิดทั้งหมด กำหนด รู้ตัณหาแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะ นรชนเหล่านั้นแลเป็นผู้ ข้ามโอฆะได้แล้ว.
[๓๑๙] คำว่า เอตํ ในอุเทศว่า เอตาภินนฺทามิ วโจ มเหสิโน ดังนี้ ความว่า ข้าพระองค์ย่อมยินดี คือ ยินดียิ่ง เบิกบาน อนุโมทนา ปรารถนา พอใจ ประสงค์ รักใคร่ ติดใจ พระวาจา คือ ทางแห่งถ้อยคำ เทศนา อนุสนธิ ของพระองค์. คำว่า อันพระองค์เป็นพระมเหสี ความว่า พระผู้มีพระภาคผู้เป็นพระมเหสี ทรง แสวงหา คือ ทรงเสาะหา ทรงค้นหา ซึ่งศีลขันธ์ใหญ่ เพราะฉะนั้น จึงทรงพระนามว่า มเหสี. ฯลฯ พระผู้มีพระภาคผู้เป็นเทวดาล่วงเทวดาประทับที่ไหน พระนราสภประทับที่ไหน เพราะฉะนั้น จึงทรงพระนามว่า มเหสี เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ข้าพระองค์ย่อมชอบใจพระวาจา นั้น อันพระองค์ผู้เป็นพระมเหสี.
[๓๒๐] คำว่า สุกิตฺติตํ ในอุเทศว่า สุกิตฺติตํ โคตม นูปธีกํ ดังนี้ ความว่า ตรัสบอกดีแล้ว คือ ทรงแสดงดีแล้ว ทรงบัญญัติดีแล้ว ทรงแต่งตั้งดีแล้ว ทรงเปิดเผยดีแล้ว ทรงทำให้ตื้นดีแล้ว ทรงประกาศดีแล้ว.