พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/123/321 322 323

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
เล่ม 30
หน้า 123
กิเลส ขันธ์ และอภิสังขาร ท่านกล่าวว่า อุปธิ ในอุเทศว่า โคตม นูปธีกํ ดังนี้. การละอุปธิ ความสงบอุปธิ ความสละคืนอุปธิ ความระงับอุปธิ อมตนิพพาน ท่านกล่าวว่า ธรรมไม่มีอุปธิ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ข้าแต่พระโคดม ... ตรัสดีแล้ว เป็นธรรมไม่มีอุปธิ.
[๓๒๑] คำว่า นรชนเหล่าใดละแล้วซึ่งรูปที่ได้เห็น เสียงที่ได้ยิน อารมณ์ที่ได้ทราบ ศีลและวัตรทั้งปวง ความว่า นรชนเหล่าใดละแล้ว คือ สละ บรรเทา ทำให้สิ้นสุด ให้ถึง ความไม่มีซึ่งความหมดจดด้วยการเห็นทั้งปวง ... ซึ่งความหมดจดด้วยการฟังทั้งปวง ซึ่งความ หมดจดทั้งด้วยการเห็นและการฟังทั้งปวง ... ซึ่งความหมดจดด้วยการได้ทราบทั้งปวง ... ซึ่งความ หมดจดด้วยศีลทั้งปวง ... ซึ่งความหมดจดด้วยวัตรทั้งปวง ... ซึ่งความหมดจดทั้งด้วยศีลและ วัตรทั้งปวง เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า นรชนเหล่าใดละแล้วซึ่งรูปที่ได้เห็น เสียงที่ได้ยิน อารมณ์ ที่ได้ทราบ ศีลและวัตรทั้งปวง.
[๓๒๒] คำว่า ละแล้วซึ่งมงคลหลายชนิดทั้งปวง ความว่า ละ คือ ละขาด บรรเทา ทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีซึ่งความหมดจด คือ ความหมดจด วิเศษ ความบริสุทธิ์ ความ พ้น ความพ้นวิเศษ ความพ้นรอบ ด้วยมงคล คือวัตรและความตื่นข่าวมากอย่าง เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ทั้งละแล้วซึ่งมงคลหลายชนิดทั้งปวง.
[๓๒๓] คำว่า ตณฺหํ ในอุเทศว่า ตณฺหํ ปริญฺญาย อนาสวา เย อหมฺปิ เต โอฆติณฺณาติ พฺรูมิ ดังนี้ คือ รูปตัณหา สัททตัณหา คันธตัณหา รสตัณหา โผฏฐัพพตัณหา ธรรมตัณหา. คำว่า กำหนดรู้แล้วซึ่งตัณหา ความว่า กำหนดรู้แล้วซึ่งตัณหาด้วยปริญญา ๓ คือ ญาตปริญญา ตีรณปริญญา ปหานปริญญา. ญาตปริญญาเป็นไฉน? นรชนย่อมรู้ซึ่งตัณหา คือ ย่อมรู้ ย่อมเห็นว่า นี้รูปตัณหา นี้สัททตัณหา นี้คันธตัณหา นี้รสตัณหา นี้โผฏฐัพพตัณหา นี้ธรรมตัณหา. นี้ชื่อว่า ญาต ปริญญา. ตีรณปริญญาเป็นไฉน? นรชนทำตัณหาที่ตนรู้อย่างนี้แล้ว ย่อมพิจารณาตัณหา คือ พิจารณาโดยความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ฯลฯ โดยความไม่ให้สลัดออก. นี้ชื่อว่า ตีรณปริญญา. ปหานปริญญาเป็นไฉน? นรชนพิจารณาเห็นอย่างนี้แล้ว ละบรรเทา ทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีซึ่งตัณหา. นี้ชื่อว่าปหานปริญญา. กำหนดรู้แล้วซึ่งตัณหานั้นด้วยปริญญา ๓ นี้ เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า กำหนดรู้แล้วซึ่งตัณหา.