พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/128/230 231

สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
เล่ม 14
หน้า 128
ที่รู้ได้ด้วยกายเช่นนี้ไม่ควรเสพและเมื่อเสพโผฏฐัพพะที่รู้ได้ด้วยกายเช่นใด อกุศลธรรมย่อม เสื่อมไป กุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง โผฏฐัพพะที่รู้ได้ด้วยกายเช่นนี้ควรเสพ ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า ดูกรสารีบุตร เรากล่าวโผฏฐัพพะที่รู้ได้ด้วยกายโดยส่วน ๒ คือ ที่ควรเสพอย่าง ๑ ที่ไม่ควรเสพ อย่าง ๑ นั่น เราอาศัยเนื้อความดังนี้กล่าวแล้ว ฯ ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า ดูกรสารีบุตร เรากล่าวธรรมารมณ์ที่รู้ได้ด้วยมโนโดยส่วน ๒ คือ ที่ควรเสพอย่าง ๑ ที่ไม่ควรเสพอย่าง ๑ นั่น เราอาศัยอะไรกล่าวแล้ว ดูกรสารีบุตร เมื่อเสพ ธรรมารมณ์ที่รู้ได้ด้วยมโนเช่นใด อกุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง กุศลธรรมย่อมเสื่อมไป ธรรมารมณ์ ที่รู้ได้ด้วยมโนเช่นนี้ไม่ควรเสพและเมื่อเสพธรรมารมณ์ที่รู้ได้ด้วยมโนเช่นใด อกุศลธรรมย่อม เสื่อมไป กุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง ธรรมารมณ์ที่รู้ได้ด้วยมโนเช่นนี้ควรเสพ ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า ดูกรสารีบุตร เรากล่าวธรรมารมณ์ที่รู้ได้ด้วยมโนโดยส่วน ๒ คือ ที่ควรเสพอย่าง ๑ที่ไม่ควรเสพ อย่าง ๑ นั่น เราอาศัยเนื้อความดังนี้กล่าวแล้ว ฯ ดูกรสารีบุตร ธรรมบรรยายที่เรากล่าวโดยย่อนี้ เธอพึงเห็นเนื้อความโดยพิสดารอย่างนี้ ฯ
[๒๓๐] ดูกรสารีบุตร เรากล่าวจีวรโดยส่วน ๒ คือ ที่ควรเสพอย่าง ๑ ที่ไม่ควรเสพ อย่าง ๑ เรากล่าวบิณฑบาตโดยส่วน ๒ คือ ที่ควรเสพอย่าง ๑ที่ไม่ควรเสพอย่าง ๑ เรา กล่าวเสนาสนะโดยส่วน ๒ คือ ที่ควรเสพอย่าง ๑ที่ไม่ควรเสพ ๑ เรากล่าวบ้านโดย ส่วน ๒ คือ ทีควรเสพอย่าง ๑ ที่ไม่ควรเสพ อย่าง ๑ เรากล่าวนิคมโดยส่วน ๒ คือ ที่ควรเสพ อย่าง ๑ ที่ไม่ควรเสพอย่าง ๑ เรากล่าวนครโดยส่วน ๒ คือ ที่ควรเสพอย่าง ๑ ที่ไม่ควรเสพ อย่าง ๑ เรากล่าว ชนบทโดยส่วน ๒ คือ ที่ควรเสพอย่าง ๑ ที่ไม่ควรเสพอย่าง ๑ เรากล่าวบุคคล โดยส่วน ๒ คือ ที่ควรเสพอย่าง ๑ ที่ไม่ควรเสพอย่าง ๑ ฯ
[๒๓๑] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ท่านพระสารีบุตรได้กราบทูลพระผู้มีพระภาค ดังนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรมบรรยายนี้ พระผู้มีพระภาค ตรัสโดยย่อ มิได้ทรงจำแนก เนื้อความโดยพิสดาร ข้าพระองค์ทราบเนื้อความได้ โดยพิสดารอย่างนี้ ฯ ข้อที่พระผู้มีพระภาคตรัสดังนี้ว่า ดูกรสารีบุตร เรากล่าวจีวรโดยส่วน ๒ คือ ที่ควรเสพ อย่าง ๑ ที่ไม่ควรเสพอย่าง ๑ นั่น พระผู้มีพระภาคทรงอาศัยอะไรตรัสแล้ว ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ