พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/129/339 340 341 342
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
ธรรมสัญเจตนา เป็นปิยรูป สาตรูปในโลก. รูปตัณหา สัททตัณหา คันธตัณหา รสตัณหา โผฏฐัพพ
ตัณหา ธรรมตัณหา เป็นปิยรูป สาตรูปในโลก. รูปวิตก สัททวิตก คันธวิตก รสวิตก
โผฏฐัพพวิตก ธรรมวิตก เป็นปิยรูป สาตรูปในโลก. รูปวิจาร สัททวิหาร คันธวิจาร รสวิจาร
โผฏฐัพพวิจาร ธรรมวิจาร เป็นปิยรูป สาตรูปในโลก. เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ในปิยรูปทั้งหลาย.
พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกพราหมณ์นั้นโดยชื่อว่า เหมกะ.
[๓๓๙] ความพอใจในกาม ความกำหนัดในกาม ความเพลินในกาม ตัณหาในกาม
ความสิเน่หาในกาม ความเร่าร้อนเพราะกาม ความหลงในกาม ความชอบใจในกาม ในกาม
ทั้งหลาย กามโอฆะ กามโยคะ กามุปาทาน กามฉันทนิวรณ์ ชื่อว่า ฉันทราคะ ในอุเทศว่า
ฉนฺทราควิโนทนํ ดังนี้. คำว่า เป็นที่บรรเทาฉันทราคะ ความว่า เป็นที่ละฉันทราคะ เป็นที่สงบ
ฉันทราคะ เป็นที่สละคืนฉันทราคะ เป็นที่ระงับฉันทราคะ เป็นอมตนิพพาน. เพราะฉะนั้น จึง
ชื่อว่า เป็นที่บรรเทาฉันทราคะ.
[๓๔๐] คำว่า บทนิพพาน ... ไม่เคลื่อน ความว่า บทนิพพาน คือ บทที่ต้านทาน บทที่
เร้น บทที่ยึดหน่วง บทไม่มีภัย. คำว่า ไม่เคลื่อน คือ เที่ยง ยั่งยืน มั่นคง เป็นธรรมไม่แปรปรวน.
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า บทนิพพาน ... ไม่เคลื่อน. เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า
ดูกรเหมกะ บทนิพพานเป็นที่บรรเทาฉันทราคะในปิยรูปทั้งหลาย ที่ได้เห็น ที่ได้ยิน
และที่ได้ทราบ (ที่รู้แจ้ง) เป็นที่ไม่เคลื่อน.
[๓๔๑] พระอรหันตขีณาสพเหล่าใด รู้ทั่วถึงบทนิพพานนั้นแล้ว
เป็นผู้มีสติ มีธรรมอันเห็นแล้ว ดับแล้ว พระอรหันตขีณาสพ
เหล่านั้น เป็นผู้เข้าไปสงบแล้วทุกสมัย เป็นผู้ข้ามแล้วซึ่ง
ตัณหาอันซ่านไปในอารมณ์ต่างๆ ในโลก.
[๓๔๒] คำว่า เอตํ ในอุเทศว่า เอตทญฺญาย เย สตา ดังนี้ คือ อมตนิพพาน ความ
สงบสังขารทั้งปวง ความสละคืนอุปธิทั้งปวง ความสิ้นตัณหา ความคลายกำหนัด ความดับตัณหา
ความออกจากตัณหาเป็นเครื่องร้อยรัด.
คำว่า รู้ทั่วถึง ความว่า รู้ทั่ว คือ ทราบ เทียบเคียง พิจารณา เจริญ ทำให้แจ่มแจ้ง
คือ รู้ทั่ว ทราบ ... ทำให้แจ่มแจ้งแล้วว่า สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรม