พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/130/426 427 428
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
[๔๒๖] ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ แล้วได้ทูลพระผู้
มีพระภาคด้วยคาถาว่า
ท่านเป็นผู้ที่ถูกเราผูกไว้แล้วด้วยบ่วงของมารทั้งที่เป็นของทิพย์ทั้งที่เป็น
ของมนุษย์ ท่านเป็นผู้ที่ถูกเราผูกไว้แล้วด้วยเครื่องผูกของมาร ดูกร
สมณะ ท่านจักไม่หลุดพ้นจากวิสัยของเราไปได้ ฯ
[๔๒๗] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า นี่มารผู้มีบาป จึงได้ ตรัสกะมารผู้มี
บาปด้วยพระคาถาว่า
เราเป็นผู้พ้นแล้วจากบ่วงของมาร ทั้งที่เป็นของทิพย์ ทั้งที่เป็น ของ
มนุษย์ เราเป็นผู้พ้นแล้วจากเครื่องผูกของมาร ดูกรมาร ผู้กระทำซึ่ง
ความพินาศ ท่านเป็นผู้ที่เรากำจัดเสียได้แล้ว ฯ
ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปเป็นทุกข์เสียใจว่า พระผู้มีพระภาคทรงรู้จักเรา พระสุคตทรงรู้
จักเรา ดังนี้ จึงได้อันตรธานไปในที่นั้นเอง ฯ
ทุติยปาสสูตรที่ ๕
[๔๒๘] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เขตพระนครพาราณสี
ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฯ
ภิกษุเหล่านั้นได้ทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราพ้นแล้วจากบ่วงทั้งปวง ทั้งที่เป็น
ของทิพย์ ทั้งที่เป็นของมนุษย์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้เธอทั้งหลายก็พ้นแล้ว จากบ่วงทั้งปวง ทั้ง
ที่เป็นของทิพย์ ทั้งที่เป็นของมนุษย์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอ ทั้งหลายจงเที่ยวจาริกไปเพื่อ
ประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนหมู่มาก เพื่อความสุขแก่ชนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อประโยชน์
เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย เธอทั้งหลายอย่าได้ไปด้วยกัน ๒ รูป โดย
ทางเดียวกัน ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงแสดงธรรม งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง
งามในที่สุดจงประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง