พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/131/232
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
เรากล่าวบิณฑบาตโดยส่วน ๒ คือ ที่ควรเสพ อย่าง ๑ ที่ไม่ควรเสพอย่าง ๑ นั่น เราอาศัยเนื้อ
ความดังนี้ กล่าวแล้ว ฯ
ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า ดูกรสารีบุตร เรากล่าวเสนาสนะโดยส่วน ๒ คือ ที่ควรเสพ
อย่าง ๑ ที่ไม่ควรเสพอย่าง ๑ นั่น เราอาศัยอะไรกล่าวแล้ว ฯลฯ ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า ดูกร
สารีบุตร เรากล่าวเสนาสนะโดยส่วน ๒ คือ ที่ควรเสพ อย่าง ๑ ที่ไม่ควรเสพอย่าง ๑ นั่น
เราอาศัยเนื้อความดังนี้ กล่าวแล้ว ฯข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า ดูกรสารีบุตร เรากล่าวบ้านโดยส่วน ๒ คือ
ที่ควรเสพอย่าง ๑ ที่ไม่ควรเสพอย่าง ๑ นั่น เรากล่าวอาศัยเนื้อความดังนี้ กล่าวแล้ว ฯ
ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า ดูกรสารีบุตร เรากล่าวนิคมโดยส่วน ๒ คือ ที่ควรเสพอย่าง ๑
ที่ไม่ควรเสพอย่าง ๑ นั่น เราอาศัยอะไรกล่าวแล้ว ฯลฯ ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า ดูกรสารีบุตร
เรากล่าวนิคมโดยส่วน ๒ คือ ที่ควรเสพอย่าง ๑ที่ไม่ควรเสพอย่าง ๑ นั่น เราอาศัยเนื้อความ
ดังนี้ กล่าวแล้ว ฯ
ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า ดูกรสารีบุตร เรากล่าวนครโดยส่วน ๒ คือ ที่ควรเสพอย่าง ๑
ที่ไม่ควรเสพอย่าง ๑ นั่น เราอาศัยอะไรกล่าวแล้ว ฯลฯ ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า ดูกรสารีบุตร
เรากล่าวนครโดยส่วน ๒ คือ ที่ควรเสพอย่าง ๑ ที่ไม่ควรเสพอย่าง ๑ นั่น เราอาศัยเนื้อความ
ดังนี้ กล่าวแล้ว ฯ
ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า ดูกรสารีบุตร เรากล่าวชนบทโดยส่วน ๒ คือที่ควรเสพอย่าง ๑
ที่ไม่ควรเสพอย่าง ๑ นั่น เราอาศัยอะไรกล่าว ฯลฯ ข้อที่เรากล่าวดังนี้ ดูกรสารีบุตร
เรากล่าวชนบทโดยส่วน ๒ คือ ที่ควรเสพอย่าง ๑ที่ไม่ควรเสพอย่าง ๑ นั่นเราอาศัยเนื้อความ
ดังนี้ กล่าวแล้ว ฯ
ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า ดูกรสารีบุตร เรากล่าวบุคคลโดยส่วน ๒ คือที่ควรเสพอย่าง ๑
ที่ไม่ควรเสพอย่าง ๑ นั่น เราอาศัยอะไรกล่าวแล้ว ดูกร สารีบุตร เมื่อเสพบุคคลเช่นใด อกุศล
ธรรมย่อมเจริญยิ่ง กุศลธรรมย่อมเสื่อมไปบุคคลเช่นนี้ ไม่ควรเสพ และเมื่อเสพบุคคล
เช่นใด อกุศลธรรมย่อมเสื่อมไปกุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง บุคคลเช่นนี้ ควรเสพ ข้อที่เรา
กล่าวดังนี้ว่า ดูกรสารีบุตร เรากล่าวบุคคลโดยส่วน ๒ คือ ที่ควรเสพอย่าง ๑ ที่ไม่ควรเสพ
อย่าง ๑ นั่นเราอาศัยเนื้อความดังนี้ กล่าวแล้ว ฯ