พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/131/429 430 431 432

สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
เล่ม 15
หน้า 131
สัตว์ทั้งหลายผู้มีธุลีในจักษุน้อยมีอยู่ เพราะไม่ได้ฟังธรรมย่อมเสื่อมรอบ ผู้รู้ทั่วถึงซึ่งธรรม จักมี ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้เราก็จักไปยังอุรุเวลาเสนานิคม เพื่อแสดงธรรม ฯ
[๔๒๙] ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ แล้วได้ทูลพระ ผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า ท่านเป็นผู้ที่ถูกเราผูกไว้แล้วด้วยบ่วงทั้งปวง ทั้งที่เป็นของทิพย์ ทั้งที่เป็น ของมนุษย์ ท่านเป็นผู้ที่ถูกเราผูกไว้แล้ว ด้วยเครื่องพันธนาการอันใหญ่ ดูกรสมณะ ท่านจักไม่พ้นไปจากวิสัยของเราได้ ฯ
[๔๓๐] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า นี่มารผู้มีบาป จึงได้ตรัสกะมารผู้มี บาปด้วยพระคาถาว่า เราเป็นผู้พ้นแล้วจากบ่วงทั้งปวง ทั้งที่เป็นของทิพย์ ทั้งที่เป็นของมนุษย์ เราเป็นผู้พ้นแล้วจากเครื่องพันธนาการอันใหญ่ดูกรมารผู้กระทำซึ่งความ พินาศ ท่านเป็นผู้ที่เรากำจัดเสียได้แล้ว ฯ ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปเป็นทุกข์ เสียใจว่า พระผู้มีพระภาคทรงรู้จักเรา พระสุคตทรง รู้จักเรา ดังนี้ จึงได้อันตรธานไป ณ ที่นั้นเอง ฯ สัปปสูตรที่ ๖
[๔๓๑] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันอันเป็นสถาน ที่พระราชทาน เหยื่อแก่กระแต เขตกรุงราชคฤห์ ฯ ก็โดยสมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคได้ประทับนั่งในที่กลางแจ้งในราตรีอันมืดทึบ และ ฝนกำลังตกประปรายอยู่ ฯ
[๔๓๒] ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปใคร่จะให้เกิดความกลัว ความครั่นคร้าม ขนลุกขน พองแก่พระผู้มีพระภาค จึงนิรมิตเพศเป็นพระยางูใหญ่เข้าไปใกล้ พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ กายของพระยางูนั้นเป็นเหมือนเรือลำใหญ่ที่ขุดด้วยซุง ทั้งต้น พังพานของมันเป็นเหมือนเสื่อ ลำแพนผืนใหญ่ สำหรับปูตากแป้งของช่าง ทำสุรา นัยน์ตาของมันเป็นเหมือนถาดสำริดใบใหญ่