พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/133/351 352 353 354

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
เล่ม 30
หน้า 133
กามทั้งหลายย่อมไม่มีอยู่ในผู้ใด ตัณหาย่อมไม่มีแก่ผู้ใด และผู้ใดข้ามพ้นจากความสงสัยได้แล้ว วิโมกข์ของผู้นั้นเป็น เช่นไร?
[๓๕๑] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรโตเทยยะ) กามทั้งหลายย่อมไม่มีอยู่ในผู้ใด ตัณหาย่อมไม่มีแก่ผู้ใด และผู้ใดข้ามพ้นจากความสงสัยได้แล้ว วิโมกข์อย่างอื่นของ ผู้นั้น ย่อมไม่มี.
[๓๕๒] คำว่า ยสฺมึ ในอุเทศว่า ยสฺมึ กามา น วสนฺติ ดังนี้ คือ ในพระอรหันต ขีณาสพ โดยอุทานว่า กามา กามมี ๒ อย่าง คือ วัตถุกาม ๑ กิเลสกาม ๑. ฯลฯ เหล่านี้ เรียกว่า วัตถุกาม ฯลฯ เหล่านี้เรียกว่า กิเลสกาม. คำว่า ย่อมไม่มี ความว่า กามทั้งหลายย่อมไม่มีอยู่ คือ ย่อมไม่อยู่ร่วม ไม่มาอยู่ในผู้ใด เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า กามทั้งหลายย่อมไม่มีอยู่ในผู้ใด พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกพราหมณ์นั้น โดยชื่อว่า โตเทยยะ ในอุเทศว่า โตเทยฺยาติ ภควา ดังนี้. คำว่า ภควา นี้ เป็นเครื่องกล่าวโดยเคารพ คำว่า ภควา นี้ เป็นสัจฉิกาบัญญัติ. เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรโตเทยยะ.
[๓๕๓] รูปตัณหา สัททตัณหา คันธตัณหา รสตัณหา โผฏฐัพพตัณหา ธรรมตัณหา ชื่อว่าตัณหา ในอุเทศว่า ยสฺส น วิชฺชติ ดังนี้. คำว่า ยสฺส คือ แก่พระอรหันตขีณาสพ. คำว่า ตัณหาย่อมไม่มีแก่ผู้ใด ความว่า ตัณหาย่อมไม่มี คือ ไม่ปรากฎ ไม่ประจักษ์ แก่ผู้ใด คือ ตัณหานั้นอันผู้ใดละแล้ว สงบแล้ว ระงับแล้ว ทำไม่ให้อาจเกิดขึ้น เผาเสียแล้ว ด้วยไฟคือญาณ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ตัณหาย่อมไม่มีแก่ผู้ใด.
[๓๕๔] วิจิกิจฉา คือ ความสงสัยในทุกข์ ฯลฯ ความที่จิตหวาดใจสนเท่ห์ เรียกว่า กถังกถา ในอุเทศว่า กถงฺกถา จ โย ติณฺโณ ดังนี้. คำว่า โย คือ พระขีณาสพนั้นใด.