พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/138/454 455 456
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
[๔๕๔] พระผู้มีพระภาคจึงตรัสตอบว่า
เราไม่ได้นอนด้วยความเขลา ทั้งมิได้มัวเมาคิดกาพย์กลอนอยู่เราบรร
ลุประโยชน์แล้วปราศจากความโศก อยู่ ณ ที่นั่งที่นอนอันสงัดแต่ผู้เดียว
นอนรำพึงด้วยความเอ็นดูในสัตว์ทั้งปวง ฯ
ลูกศรเข้าไปในอกของชนเหล่าใด ร้อยหทัยให้ลุ่มหลงอยู่ แม้ชน
เหล่านั้นในโลกนี้ ผู้มีลูกศรเสียบอกอยู่ ยังได้ความหลับเราผู้ปราศจาก
ลูกศรแล้ว ไฉนจะไม่หลับเล่า ฯ
เราเดินทางไปในทางที่มีราชสีห์เป็นต้น ก็มิได้หวาดหวั่น ถึงหลับใน
ที่เช่นนั้นก็มิได้กลัวเกรง กลางคืนและกลางวันย่อมไม่ทำให้เราเดือดร้อน
เราย่อมไม่พบเห็นความเสื่อมอะไรๆในโลก ฉะนั้น เราผู้มีความ
เอ็นดูในสัตว์ทั้งปวงจึงนอนหลับ ฯ
ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปเป็นทุกข์ เสียใจว่า พระผู้มีพระภาคทรงรู้จักเรา พระสุคต
ทรงรู้จักเรา ดังนี้ จึงได้หายไปในที่นั้นเอง ฯ
ปฏิรูปสูตรที่ ๔
[๔๕๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ศาลาหลังหนึ่ง ในพราหมณคาม ในแคว้น
โกศล ฯ
ก็โดยสมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคแวดล้อมด้วยคฤหัสถ์บริษัทหมู่ใหญ่ทรงแสดงธรรมอยู่ ฯ
ลำดับนั้น มารผู้มีบาปได้มีความคิดขึ้นว่า พระสมณโคดมนี้แวดล้อม ด้วยคฤหัสถ์
บริษัทหมู่ใหญ่ ทรงแสดงธรรมอยู่ ถ้ากระไรเราพึงเข้าไปใกล้พระสมณโคดมถึงที่ประทับ เพื่อ
การกำบังจักษุเถิด ฯ
[๔๕๖] ลำดับนั้น มารผู้มีบาปเข้าไปใกล้พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้น แล้ว จึงทูล
ถามพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
ท่านพร่ำสอนผู้อื่นด้วยสิ่งใด สิ่งนั้นไม่สมควรแก่ท่าน เมื่อท่านกล่าว
ถึงธรรมนั้น อย่าได้ข้องอยู่ในความยินดียินร้าย ฯ