พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/140/370 371 372 373
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
[๓๗๐] คำว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นฤทุกข์ ขอพระองค์โปรดตรัสบอกธรรมเป็นที่พึง ความ
ว่า ขอพระองค์โปรดตรัสบอก ... ขอจงประกาศซึ่งธรรมเป็นที่พึ่ง คือ ธรรมเป็นที่ต้านทาน ธรรม
เป็นที่ซ่อนเร้น ธรรมเป็นสรณะ ธรรมเป็นคติที่ไป.
คำว่า มาริส เป็นเครื่องกล่าวด้วยความรัก เป็นเครื่องกล่าวโดยเคารพ, คำว่า มาริส
นี้ เป็นเครื่องกล่าวเป็นไปกับด้วยความเคารพและความยำเกรง เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า ข้าแต่
พระองค์ผู้นฤทุกข์ ขอพระองค์โปรดตรัสบอกธรรมเป็นที่พึ่ง.
[๓๗๑] พราหมณ์นั้นกราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า พระองค์ในอุเทศว่า ตฺวญฺจ เม
ทีปมกฺขาหิ ดังนี้.
คำว่า ขอจงตรัสบอกธรรมเป็นที่พึ่ง ความว่า ขอจงตรัสบอก ... ขอจงประกาศซึ่งธรรม
เป็นที่พึ่ง คือ ธรรมเป็นที่ต้านทาน ธรรมเป็นที่ซ่อนเร้น ธรรมเป็นสรณะ ธรรมเป็นคติที่ไป
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า อนึ่ง ขอพระองค์จงตรัสบอกธรรมเป็นที่พึ่งแก่ข้าพระองค์.
[๓๗๒] คำว่า ทุกข์นี้ไม่พึงมีอีกอย่างไร ความว่า ทุกข์นี้พึงดับ คือ พึงสงบ พึง
ถึงความตั้งอยู่ไม่ได้ พึงระงับไปในภพนี้นี่แหละ คือ ทุกข์อันมีในปฏิสนธิ ไม่พึงบังเกิดอีก
คือ ไม่พึงเกิด ไม่พึงเกิดพร้อม ไม่พึงบังเกิดในกามธาตุ รูปธาตุ อรูปธาตุ กามภพ รูปภพ
อรูปภพ สัญญาภพ อสัญญาภพ เนวสัญญานาสัญญาภพ เอกโวการภพ จตุโวการภพ ปัญจโว
การภพ ในคติใหม่ อุปบัติใหม่ ปฏิสนธิใหม่ ภพ สงสารหรือในวัฏฏะ พึงดับ สงบถึง
ความตั้งอยู่ไม่ได้ ระงับไปในภพนี้นี่แหละ อย่างไร? เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า ทุกข์นี้ไม่พึงมี
อีกอย่างไร? เพราะเหตุนั้น พราหมณ์นั้นจึงกล่าวว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้นฤทุกข์ ขอพระองค์จงตรัสบอกธรรมเป็นที่พึ่ง
แก่สัตว์ทั้งหลายผู้ตั้งอยู่ในท่ามกลางสงสาร เมื่อห้วงกิเลสเกิด
แล้ว เมื่อภัยใหญ่มีแล้ว ผู้อันชราและมัจจุถึงรอบแล้ว. อนึ่ง
ขอพระองค์จงตรัสบอกธรรมเป็นที่พึ่งแก่ข้าพระองค์. ทุกข์นี้
ไม่พึงมีอีกอย่างไร?
[๓๗๓] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรกัปปะ)
เราจะบอกธรรมเป็นที่พึ่ง แก่สัตว์ทั้งหลายผู้ที่ตั้งอยู่ในท่ามกลาง
สงสาร เมื่อห้วงกิเลสเกิดแล้ว เมื่อภัยใหญ่มีแล้ว ผู้อันชรา