พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/141/465 466 467
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปได้มีความคิดว่า พระสมณโคดมนี้แล ยังภิกษุ ทั้งหลายให้
เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาเกี่ยว ด้วยผัสสายตนะ ๖ และ
ภิกษุเหล่านั้นทำในใจให้สำเร็จประโยชน์ น้อมนึก มาด้วยความเต็มใจ เงี่ยโสตลงสดับธรรมอยู่
ถ้ากระไร เราพึงเข้าไปเฝ้าพระ สมณโคดมถึงที่ประทับ เพื่อการกำบังตาเถิด ฯ
[๔๖๕] ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปเข้าไปใกล้พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้ว ได้ร้อง
เสียงดังพิลึกพึงกลัว ประดุจแผ่นดินจะถล่ม ในที่ใกล้ พระผู้มีพระภาค ฯ
ลำดับนั้น ภิกษุรูปหนึ่งจึงกล่าวกะภิกษุอีกรูปหนึ่งอย่างนี้ว่า ภิกษุ ภิกษุ แผ่นดิน
นี้เห็นจะถล่มเสียละกระมัง ฯ
เมื่อภิกษุนั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคจึงตรัสกะภิกษุนั้นว่า ดูกรภิกษุ แผ่นดิน
นี้ย่อมไม่ถล่ม ดูกรภิกษุ นั่นมารผู้มีบาปมาแล้ว เพื่อกำบังตา พวกเธอ ฯ
[๔๖๖] ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า นี้เป็นมารผู้มีบาป จึงตรัสกะมารผู้มี
บาปด้วยพระคาถาว่า
รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ทั้งสิ้นนี้ เป็น
โลกามิสอันแรงกล้า โลกหมกมุ่นอยู่ในอารมณ์เหล่านี้ ส่วนสาวกของ
พระพุทธเจ้ามีสติก้าวล่วงโลกามิสนั้น และก้าวล่วงบ่วงมารแล้ว
รุ่งเรืองอยู่ดุจพระอาทิตย์ ฉะนั้น ฯ
ลำดับนั้น มารผู้มีบาปเป็นทุกข์ เสียใจว่า พระผู้มีพระภาคทรงรู้จักเรา พระสุคต
ทรงรู้จักเรา ดังนี้ จึงได้หายไปในที่นั้นนั่นเอง ฯ
ปิณฑิกสูตรที่ ๘
[๔๖๗] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ บ้านพราหมณ์ใน ปัญจสาลคาม
แคว้นมคธ ฯ
ก็สมัยนั้นแล ที่บ้านพราหมณ์ ในปัญจสาลคาม มีนักขัตฤกษ์แจกของ แก่พวกเด็กๆ
ครั้นรุ่งเช้า พระผู้มีพระภาคทรงครองแล้ว ทรงถือบาตรและจีวรเสด็จเข้าไปสู่บ้านพราหมณ์ใน
ปัญจสาลคามเพื่อบิณฑบาต ฯ