พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/142/377 378 379 380
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
[๓๗๗] ข้อว่า ดูกรกัปปะ เราจะบอกธรรมเป็นที่พึ่งแก่ท่าน ความว่า เราจะบอก ...
จะประกาศ ซึ่งธรรมเป็นที่พึง คือ ธรรมเป็นที่ต้านทาน ธรรมเป็นที่ซ่อนเร้น ธรรมเป็นสรณะ
ธรรมเป็นคติที่ไป เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า เราจะบอกธรรมเป็นที่พึ่ง.
พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกพราหมณ์นั้นโดยชื่อว่า กัปปะ ในอุเทศว่า กปฺป เต ดังนี้
เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า ดูกรกัปปะ เราจะบอกธรรมเป็นที่พึ่งแก่ท่าน. เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาค
จึงตรัสว่า.
เราจะบอกธรรมเป็นที่พึ่ง แก่สัตว์ทั้งหลายผู้ที่ตั้งอยู่ในท่าม
กลางสงสาร เมื่อห้วงกิเลสเกิดแล้ว เมื่อภัยใหญ่มีแล้ว
ผู้อันชราและมัจจุถึงรอบแล้ว. ดูกรกัปปะ เราจะบอกธรรม
เป็นที่พึ่งแก่ท่าน.
[๓๗๘] เราขอบอกนิพพานอันไม่มีกิเลสเครื่องกังวล ไม่มีตัณหา
เครื่องถือมั่น ไม่ใช่ธรรมอย่างอื่น เป็นที่สิ้นไปแห่งชราและ
มัจจุนี้นั้นว่า ธรรมเป็นที่พึ่ง.
[๓๗๙] คำว่า ไม่มีกิเลสเครื่องกังวล ในอุเทศว่า อกิญฺจนํ อนาทานํ ดังนี้ ความว่า
ราคะ โทสะ โมหะ มานะ ทิฏฐิ กิเลส ทุจริต เป็นเครื่องกังวล อมตนิพพานเป็นที่ละ
เป็นที่สงบ เป็นที่สละคืน เป็นที่ระงับแห่งกิเลสเครื่องกังวล เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ไม่มีกิเลส
เครื่องกังวล.
คำว่า ไม่มีตัณหาเครื่องถือมั่น ความว่า ตัณหา ราคะ สาราคะ ฯลฯ อภิชฌา โลภะ
อกุศลมูล ตรัสว่า เครื่องถือมั่น. อมตนิพพานเป็นที่ละ เป็นที่สงบ เป็นที่สละคืน เป็นที่
ระงับแห่งตัณหาเครื่องถือมั่น เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า ไม่มีกิเลสเครื่องกังวล ไม่มีตัณหาเครื่อง
ถือมั่น.
[๓๘๐] คำว่า เป็นที่พึ่ง ไม่ใช่ธรรมอย่างอื่น ความว่า เป็นที่พึ่ง คือ เป็นที่ต้านทาน
เป็นที่ซ่อนเร้น เป็นสรณะ เป็นคติที่ไป.
คำว่า ไม่ใช่ธรรมอย่างอื่น คือ ที่พึ่งอื่น คือ อย่างอื่นจากนิพพานนั้นมิได้มี โดยที่แท้
พึ่งนั้นนั่นแหละเป็นที่พึ่งอันเลิศ ประเสริฐ วิเศษ เป็นประธานสูงสุด และอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น
จึงชื่อว่า ที่พึ่งนี้ไม่ใช่อย่างอื่น.