พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/143/471 472 473
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
[๔๗๑] ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปจึงนิรมิตเพศเป็นชาวนาแบกไถใหญ่ ถือปะฏักมีด้ามยาว
มีผมยาวรุงรังปกหน้าปกหลัง นุ่งผ้าเนื้อหยาบ มีเท้าทั้งสองเปื้อน โคลน เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
ถึงที่ประทับ ครั้นแล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่สมณะ ท่านได้เห็นโคทั้งหลายบ้างไหม ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า แน่ะมารผู้มีบาป ท่านจะต้องการอะไรด้วย โคทั้งหลายเล่า ฯ
มารกราบทูลว่า ข้าแต่พระสมณะ จักษุเป็นของเราแท้ รูปก็เป็นของเรา อายตนะคือ
วิญญาณอันเกิดแก่จักษุสัมผัสก็เป็นของเรา ท่านจะหนีเราไปไหนพ้น ข้าแต่สมณะ โสตเป็น
ของเรา เสียงเป็นของเรา อายตนะคือวิญญาณอันเกิดแต่ โสตสัมผัสก็เป็นของเรา ท่านจะหนีเรา
ไปไหนพ้น ข้าแต่สมณะ จมูกเป็นของเรา กลิ่นเป็นของเรา อายตนะคือวิญญาณอันเกิดแต่
ฆานสัมผัส ก็เป็นของเรา ท่านจะ หนีเราไปไหนพ้น ข้าแต่สมณะ ลิ้นเป็นของเรา รสเป็นของเรา
อายตนะคือ วิญญาณอันเกิดแต่ชิวหาสัมผัสก็เป็นของเรา ท่านจะหนีเราไปไหนพ้น ข้าแต่สมณะ
กายเป็นของเรา โผฏฐัพพะเป็นของเรา อายตนะคือวิญญาณอันเกิดแต่กาย สัมผัสก็เป็นของเรา
ท่านจะหนีเราไปไหนพ้น ข้าแต่สมณะ ใจเป็นของเรา ธรรมารมณ์เป็นของเรา อายตนะคือ
วิญญาณอันเกิดแต่มโนสัมผัสก็เป็นของเรา ท่านจะหนีเราไปไหนพ้น ฯ
[๔๗๒] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรมารผู้มีบาป จักษุเป็นของท่าน รูปเป็นของท่าน
อายตนะคือวิญญาณอันเกิดแต่จักษุสัมผัสก็เป็นของท่านแท้ ดูกรมารผู้มีบาป แต่ในที่ใด ไม่มี
จักษุ ไม่มีรูป ไม่มีอายตนะคือวิญญาณอันเกิดแต่จักษุ สัมผัส ที่นั้นมิใช่ทางดำเนินของท่าน
โสตเป็นของท่าน เสียงเป็นของท่าน อายตนะคือวิญญาณอันเกิดแต่โสตสัมผัสก็เป็นของท่าน
แต่ในที่ใด ไม่มีโสต ไม่มีเสียง ไม่มีอายตนะคือวิญญาณอันเกิดแต่โสตสัมผัส ที่นั้นมิใช่ทาง
ดำเนินของ ท่าน จมูกเป็นของท่าน กลิ่นเป็นของท่าน อายตนะคือวิญญาณอันเกิดแต่ฆาน
สัมผัสเป็นของท่าน ฯลฯ ลิ้นเป็นของท่าน รสเป็นของท่าน อายตนะคือวิญญาณ อันเกิดแต่
ชิวหาสัมผัสเป็นของท่าน ฯลฯ กายเป็นของท่าน โผฏฐัพพะเป็นของท่านอายตนะคือวิญญาณ
อันเกิดแต่กายสัมผัสเป็นของท่าน ฯลฯ ใจเป็นของท่านธรรมารมณ์ทั้งหลายเป็นของท่าน อายตนะ
คือวิญญาณอันเกิดแต่มโนสัมผัสก็เป็น ของท่าน แต่ในที่ใด ไม่มีใจ ไม่มีธรรมารมณ์ ไม่มีอายตนะ
คือวิญญาณอันเกิดแต่ มโนสัมผัส ที่นั้นมิใช่ทางดำเนินของท่าน ฯ
[๔๗๓] มารกราบทูลว่า
ชนเหล่าใดกล่าวถึงสิ่งใดว่า นี้ของเรา และกล่าวว่า นี้เป็นเรา ถ้าใจ
ของท่านมีอยู่ในสิ่งนั้น ข้าแต่สมณะ ท่านก็จะไม่พ้นเราไปได้ ฯ