พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/144/385 386 387

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
เล่ม 30
หน้า 144

[๓๘๕] คำว่า มีธรรมอันเห็นแล้ว ดับแล้ว ความว่า มีธรรมอันเห็นแล้ว คือ มี ธรรมอันรู้แล้ว มีธรรมอันเทียบเคียงแล้ว มีธรรมอันพิจารณา มีธรรมอันเจริญแล้ว มีธรรมอัน แจ่มแจ้งแล้ว. คำว่า ดับแล้ว ความว่า ชื่อว่าดับแล้ว ระงับแล้ว เพราะเป็นผู้ดับราคะ โทสะ โมหะ ความโกรธ ความผูกโกรธ ฯลฯ อกุสลาภิสังขารทั้งปวง เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า มีธรรมอันเห็น แล้ว ดับแล้ว.
[๓๘๖] ผู้ประกอบมหาชนไว้ในบาปธรรมแล้วให้ตาย ผู้ประกอบมหาชนไว้ในธรรมดำ ผู้เป็นใหญ่ ผู้มีในส่วนสุดแห่งอกุศลธรรม ผู้ไม่ปล่อยมหาชน ผู้เป็นพวกพ้องของคนประมาท ชื่อว่ามาร ในอุเทศว่า น เต มารวสานุคา ดังนี้. คำว่า พระอรหันตขีณาสพเหล่านั้นเป็นผู้ไม่ไปตามอำนาจมาร ความว่า พระอรหันต ขีณาสพเหล่านั้น ย่อมไม่เป็นไปในอำนาจมาร. แม้มารก็ยังอำนาจให้เป็นไปในพระอรหันตขีณาสพ เหล่านั้นไม่ได้. พระอรหันตขีณาสพเหล่านั้นครอบงำ ข่มขี่ ท่วมทับ กำจัด ย่ำยีซึ่งมาร พวกของ มาร บ่วงมาร เบ็ดมาร เหยื่อมาร วิสัยมาร ที่อยู่แห่งมาร โคจรแห่งมาร เครื่องผูกแห่งมาร ย่อมอยู่ ดำเนินเป็นไป รักษา บำรุง เยียวยา เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า พระอรหันตขีณาสพ เหล่านั้น เป็นผู้ไม่ไปตามอำนาจมาร.
[๓๘๗] คำว่า พระอรหันตขีณาสพเหล่านั้น ไม่ไปบำรุงมาร ความว่า พระอรหันตขีณาสพ เหล่านั้น ไม่ไปบำรุง เที่ยวบำรุง บำเรอ รับใช้แห่งมาร. พระอรหันตขีณาสพเหล่านั้น เป็น ผู้บำรุง เที่ยวบำรุง บำเรอ รับใช้แห่งพระผู้มีพระภาคผู้ตรัสรู้แล้ว เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า พระ อรหันตขีณาสพเหล่านั้นไม่ไปบำรุงมาร. เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า พระอรหันตขีณาสพเหล่าใด รู้ทั่วถึงนิพพานนั้นแล้ว เป็น ผู้มีสติ มีธรรมอันเห็นแล้ว ดับแล้ว. พระอรหันตขีณาสพ เหล่านั้น เป็นผู้ไม่ไปตามอำนาจแห่งมาร ไม่ไปบำรุงมาร. พร้อมด้วยเวลาจบพระคาถา ฯลฯ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเป็นพระศาสดา ของข้าพระองค์. ข้าพระองค์เป็นสาวก ฉะนี้แล. จบ กัปปมาณวกปัญหานิทเทสที่ ๑๐. ----------