พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/146/478 479 480
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
ตติยวรรคที่ ๓
สัมพหุลสูตรที่ ๑
[๔๗๘] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่นครศิลาวดี ในแคว้นสักกะ ฯ
ก็สมัยนั้นแล ภิกษุมากด้วยกัน เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตน อันส่งไปแล้ว
อยู่ในที่ใกล้พระผู้มีพระภาค ฯ
[๔๗๙] ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปนิรมิตเพศเป็นพราหมณ์มุ่นชฎาใหญ่ นุ่ง หนังเสือ เป็น
คนแก่หลังโกง หายใจเสียงดังครืดคราด ถือไม้เท้าทำด้วยไม้มะเดื่อ เข้าไปหาภิกษุเหล่านั้นถึง
ที่อยู่ ครั้นแล้วจึงกล่าวกะภิกษุเหล่านั้นว่า ท่านบรรพชิตผู้ เจริญทั้งหลายล้วนแต่เป็นคนหนุ่ม
กระชุ่มกระชวย มีผมดำ ประกอบด้วยความหนุ่ม แน่น ยังไม่เบื่อในกามารมณ์ทั้งหลายด้วย
ปฐมวัย ขอท่านจงบริโภคกามอันเป็น ของมนุษย์ อย่าละผลอันเห็นเอง วิ่งไปสู่ผลชั่วคราวเลย ฯ
ภิกษุเหล่านั้นตอบว่า ดูกรพราหมณ์ พวกเราย่อมไม่ละผลอันเห็นเอง วิ่งไปสู่ผลชั่วคราว
แต่เราทั้งหลายละผลชั่วคราววิ่งไปสู่ผลอันเห็นเอง ดูกรพราหมณ์ เพราะว่ากามทั้งหลาย พระผู้มี
พระภาคตรัสว่าเป็นของชั่วคราว มีทุกข์มาก มีความคับแค้นมาก โทษในกามทั้งหลายมีโดยยิ่ง
ธรรมนี้มีผลอันเห็นเอง ให้ผลไม่จำกัดกาล เป็นของควรเรียกกันมาดู ควรน้อมมาไว้ในตน อัน
วิญญูชน ทั้งหลายพึงรู้ได้เฉพาะตน ฯ
เมื่อภิกษุเหล่านั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว มารผู้มีบาปจึงสั่นศีรษะ แลบลิ้น ทำหน้าขมวดเป็น
สามรอย จดจ้องไม้เท้าหลีกไป ฯ
[๔๘๐] ครั้งนั้นแล ภิกษุเหล่านั้นเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ ถวายอภิวาท
พระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ภิกษุเหล่านั้นครั้นนั่งแล้ว จึงกราบทูลพระผู้มี
พระภาคว่า พระเจ้าข้า ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นผู้ไม่ประมาท บำเพ็ญความเพียร มีตนอันส่งไป
แล้ว อยู่ในที่ใกล้พระองค์ ณ ที่นี้ พระเจ้าข้า มีพราหมณ์คนหนึ่ง มุ่นชฎาใหญ่ นุ่งหนังเสือ