พระสุตตันตปิฎกไทย: 11/150/210 211
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
[๒๑๐] แต่ที่นี้ไป ทิศที่ชนเรียกกันว่า ปุริมทิศ ที่ท้าวมหาราชผู้ทรงยศเป็นเจ้า
เป็นใหญ่ของพวกคนธรรพ์ ทรงนามว่าท้าวธตรฏฐ์ อันพวกคนธรรพ์
แวดล้อมแล้ว ทรงโปรดปรานด้วยการฟ้อนรำขับร้อง ทรงอภิบาลอยู่
ข้าพเจ้าได้สดับมาว่า โอรสของท้าวเธอมีมากองค์ มีพระนามเดียวกัน
ทั้งเก้าสิบเอ็ดองค์ มีพระนามว่าอินทะ ทรงพระกำลังมาก ทั้งท้าว
ธตรฏฐ์และโอรสเหล่านั้นเห็นพระพุทธเจ้าผู้เบิกบานแล้ว ผู้เป็นเผ่าพันธุ์
แห่งพระอาทิตย์พากันถวายบังคมพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นผู้ยิ่งใหญ่
ปราศจากความครั่นคร้าม แต่ที่ไกลว่า ข้าพระพุทธเจ้า
ขอนอบน้อมแด่พระองค์ พระอุดมบุรุษ ข้าพระพุทธเจ้าขอนอบน้อมแด่
พระองค์ขอพระองค์ทรงตรวจดูมหาชนด้วยพระญาณอันฉลาด แม้พวก
อมนุษย์ก็ถวายบังคมพระองค์ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายได้สดับมาอย่างนั้นเนืองๆ
ฉะนั้น จึงกล่าวเช่นนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายถามเขาว่า พวกท่าน
ถวายบังคมพระชินโคดมหรือ เขาพากันตอบว่า ถวายบังคมพระชิน
โคดม ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอถวายบังคมพระพุทธเจ้า ผู้ถึงพร้อม
ด้วยวิชชาและจรณะชนทั้งหลายผู้กล่าวส่อเสียด ผู้กัดเนื้อข้างหลัง
ทำปาณาติบาตลามก เป็นโจร เป็นคนตลบตะแลง ตายแล้ว
ชนทั้งหลายพากันกล่าวว่า จงนำออกไปโดยทิศใด ฯ
[๒๑๑] แต่นี้ไป ทิศที่ชนเรียกกันว่า ทักขิณทิศที่ท้าวมหาราชผู้ทรงยศ เป็นเจ้า
เป็นใหญ่ของพวกกุมภัณฑ์ ทรงนามว่า ท้าววิรุฬหะอันพวกกุมภัณฑ์
แวดล้อมแล้ว ทรงโปรดปรานด้วยการฟ้อนรำขับร้อง ทรงอภิบาลอยู่
ข้าพเจ้าได้สดับมาว่า โอรสของท้าวเธอมีมากองค์ มีพระนามเดียวกัน
ทั้งเก้าสิบเอ็ดองค์มีพระนามว่า อินทะ ทรงพระกำลังมาก ทั้งท้าว
วิรุฬหะและโอรสเหล่านั้นได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้เบิกบานแล้ว ผู้เป็น
เผ่าพันธุ์แห่งพระอาทิตย์ พากันถวายบังคมพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นผู้ยิ่งใหญ่
ปราศจากความครั่นคร้ามแต่ที่ไกลว่า พระบุรุษอาชาไนย ข้าพระ