พระสุตตันตปิฎกไทย: 11/152/212

สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
เล่ม 11
หน้า 152
ถวายบังคมพระชินโคดมข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอถวายบังคม พระพุทธโคดม ผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ อุตตรกุรุทวีปเป็นรมณีย สถาน มีภูเขาหลวงชื่อสิเนรุแลดูงดงาม ตั้งอยู่ทิศใด พวกมนุษย์ซึ่งเกิด ในอุตตรกุรุทวีปนั้น ไม่ยึดถือสิ่งใดว่าเป็นของตน ไม่หวงแหนกัน มนุษย์เหล่านั้น ไม่ต้องหว่านพืช และไม่ต้องนำไถออกไถ หมู่มนุษย์ บริโภคข้าวสาลี อันผลิตผลในที่ไม่ต้องไถ ไม่มีรำ ไม่มีแกลบ บริสุทธิ์ มีกลิ่นหอม เป็นเมล็ดข้าวสาร หุง
[ข้าวนั้น] ในเตาอันปราศจากควัน แล้วบริโภคโภชนะแต่ที่นั้นทำแม่โคให้มีกีบเดียว แล้วเที่ยวไปสู่ ทิศน้อย ทิศใหญ่ทำปศุสัตว์ให้มีกีบเดียว แล้วเที่ยวไปสู่ทิศน้อยทิศ ใหญ่ ทำหญิงให้เป็นพาหนะ แล้วเที่ยวไปสู่ทิศน้อยทิศใหญ่ ทำชาย ให้เป็นพาหนะ แล้วเที่ยวไปสู่ทิศน้อยทิศใหญ่ ทำกุมารีให้เป็นพาหนะ แล้วเที่ยวไปสู่ทิศน้อยทิศใหญ่ ทำกุมารให้เป็นพาหนะ แล้วเที่ยวไปสู่ ทิศน้อยทิศใหญ่ บรรดานางบำเรอของพระราชานั้น ก็ขึ้นยานเหล่านั้น ตามห้อมล้อมไปทุกทิศด้วย ยานช้างยานม้า ยานทิพย์ ปราสาท และวอ ก็ปรากฏแก่ท้าวมหาราชผู้ทรงยศ ฯ และท้าวมหาราชนั้น ได้ทรงนิรมิตนครไว้ในอากาศ คือ อาฏานาฏานคร กุสินาฏานคร ปรกุสินาฏานคร นาฏปริยานคร ปรกุสิตนาฏานคร ทางทิศอุดรมีกปีวันตนคร และอีกนครหนึ่ง ชื่อชโนฆะ อีกนครหนึ่งชื่อนวนวติยะ อีกนครหนึ่งชื่ออัมพรอัมพรวติยะ มีราชธานีนามว่าอาฬก มันทา ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ก็ราชธานีของท้าวกุเวรมหาราช ชื่อวิสาณา ฉะนั้น มหาชนจึง เรียกท้าวกุเวรมหาราชว่าท้าวเวสวัณ ยักษ์ชื่อตโตลา ชื่อตัตตลา ชื่อตโตตลา ชื่อโอชสี ชื่อเตชสี ชื่อตโตชสี ชื่อสุระ ชื่อราชา ชื่ออริฏฐะ ชื่อเนมิ ย่อมปรากฏมีหน้าที่คนละแผนก ในวิสาณาราชธานีนั้น มีห้วงน้ำ ชื่อธรณีเป็นแดนที่เกิดเมฆ เกิดฝนตก ในวิสาณาราชธานีนั้นมีสภาชื่อภคลวดี เป็นที่ประชุมของพวกยักษ์ ณ ที่นั้น มีต้นไม้เป็นอันมาก มีผลเป็นนิจ ดารดาษด้วยหมู่นกต่างๆ มีนกยูง