พระสุตตันตปิฎกไทย: 11/157/220
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
เลื่อมใสในปาพจน์ของพระผู้มีพระภาคนี้ ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงเรียนการรักษาอันชื่อว่าอาฏา
นาฏิยะ เพื่อให้ยักษ์พวกนั้นเลื่อมใส เพื่อคุ้มครอง เพื่อรักษา เพื่อไม่เบียดเบียน เพื่ออยู่สำราญ
แห่งภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ทั้งหลายเถิด พระพุทธเจ้าข้า ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราได้รับอาราธนาโดยดุษณีภาพแล้ว ลำดับนั้นท้าวเวสวัณทราบว่า
เรารับแล้ว ได้กล่าวอาฏานาฏิยะรักษานี้ ในเวลานั้น
[ความว่า] ฯ
[๒๒๐] ขอนอบน้อมแด่พระวิปัสสีพุทธเจ้า ผู้มีพระจักษุ มีพระสิริ ขอนอบ
น้อมแด่พระสิขีพุทธเจ้า ผู้ทรงอนุเคราะห์แก่สัตว์ทั่วหน้า ฯ ล ฯ
[บัณฑิตพึงให้พิสดาร เหมือนกับที่มีมาแล้วในก่อน] ฯ
ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ การรักษาอันชื่อว่าอาฏานาฏิยะนี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อคุ้มครอง
เพื่อรักษา เพื่อไม่เบียดเบียน เพื่อความอยู่สำราญแห่งภิกษุ ภิกษุณีอุบาสก อุบาสิกา
ทั้งหลาย ฉะนี้ ฯ
ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ และบัดนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เป็นผู้มีกิจมาก มีกรณีย์มาก
ขอทูลลาไป เราได้กล่าวว่า ดูกรมหาบพิตร มหาบพิตรจงทรงทราบกาลอันควร ณ บัดนี้เถิด ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้น ท้าวมหาราชทั้ง ๔ เสด็จลุกขึ้นจากอาสนะไหว้เรา
ทำประทักษิณ แล้วอันตรธานไปในที่นั้นเอง ฝ่ายยักษ์เหล่านั้นก็พากันลุกขึ้นจากอาสนะ บาง
พวกไหว้เรา ทำประทักษิณ แล้วอันตรธานไปในที่นั้นเอง บางพวกปราศรัยกับเรา
ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว อันตรธานไปในที่นั้นเอง บางพวกประนมอัญชลี
มาทางที่เราอยู่ แล้วอันตรธานไปในที่นั้นเอง บางพวกประกาศนามและโคตร แล้วอันตรธาน
ไปในที่นั้นเอง บางพวกนิ่งอยู่แล้วอันตรธานไปในที่นั้นเอง ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเล่าเรียนการรักษาอันชื่อว่าอาฏานาฏิยะจงทรงไว้ซึ่งการ
รักษาอันชื่อว่าอาฏานาฏิยะ การรักษาอันชื่อว่าอาฏานาฏิยะ ประกอบด้วยประโยชน์ ย่อมเป็นไป
เพื่อคุ้มครอง เพื่อรักษา เพื่อไม่เบียดเบียน เพื่ออยู่สำราญแห่งภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา
ทั้งหลาย ดังนี้ ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์ นี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นยินดีชื่นชมพระภาษิตของ
พระผู้มีพระภาค ดังนี้แล ฯ
จบ อาฏานาฏิยสูตร ที่ ๙
_______________