พระสุตตันตปิฎกไทย: 11/162/227

สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
เล่ม 11
หน้า 162
สังคายนา ไม่พึงกล่าวแก่งแย่งกันในธรรมนั้น การที่พรหมจรรย์นี้พึงยั่งยืนตั้งอยู่นาน นั้น พึงเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ชนมาก เพื่อความสุขแก่ชนมาก เพื่อความอนุเคราะห์แก่โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูลเพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ธรรม ๒ เป็นไฉน นามและรูป ๑อวิชชาและภวตัณหา ๑ ภวทิฐิและวิภวทิฐิ ๑ ความไม่ละอายและความ ไม่เกรงกลัว ๑ ความละอายและความเกรงกลัว ๑ ความเป็นผู้ว่ายากและความเป็นผู้มีมิตรชั่ว ๑ ความเป็นผู้ว่าง่ายและความเป็นผู้มีมิตรดี ๑ ความเป็นผู้ฉลาดในอาบัติและความเป็นผู้ฉลาดในการ ออกจากอาบัติ ๑ ความเป็นผู้ฉลาดในสมาบัติและความเป็นผู้ฉลาดในการออกจากสมาบัติ ๑ ความ เป็นผู้ฉลาดในธาตุและความเป็นผู้ฉลาดในมนสิการ ๑ ความเป็นผู้ฉลาดในอายตนะและความเป็น ผู้ฉลาดในปฏิจจสมุปบาท ๑ ความเป็นผู้ฉลาดในฐานะ
[คือเหตุที่เป็นได้] และความเป็นผู้ฉลาด ในอัฏฐานะ
[คือเหตุที่เป็นไปไม่ได้] ๑ การกล่าววาจาอ่อนหวานและการต้อนรับ ๑ ความไม่ เบียดเบียนและความสะอาด ๑ ความเป็นผู้มีสติหลงลืมและความเป็นผู้ไม่มีสัมปชัญญะ ๑ สติ และสัมปชัญญะ ๑ ความเป็นผู้ไม่คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย และความเป็นผู้ไม่รู้จัก ประมาณในโภชนะ ๑ ความเป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย และความเป็นผู้รู้จักประมาณ ในโภชนะ ๑ กำลังที่เกิดแต่การพิจารณาและกำลังที่เกิดแต่การอบรม ๑ กำลังคือสติและกำลังคือ สมาธิ ๑ สมถะและวิปัสสนา ๑ นิมิตที่เกิดเพราะสมถะและนิมิตที่เกิดเพราะความเพียร ๑ ความเพียรและความไม่ฟุ้งซ่าน ๑ ความวิบัติแห่งศีล และความวิบัติแห่งทิฐิ ๑ ความถึง พร้อมแห่งศีล และความถึงพร้อมแห่งทิฐิ ๑ ความหมดจดแห่งศีลและความหมดจดแห่งทิฐิ ๑ ความหมดจดแห่งทิฐิและความเพียรของผู้มีทิฐิ ๑ ความสลดใจและความเพียรโดยแยบคาย ของผู้สลดใจแล้วในธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความสลดใจ ๑ความเป็นผู้ไม่สันโดษในธรรมอันเป็นกุศล และความเป็นผู้ไม่ท้อถอยในการตั้งความเพียร ๑ วิชชาและวิมุตติ ๑ ญาณในความสิ้นไปและ ญาณในความไม่เกิด ๑ ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ธรรมมีประเภทละ ๒ๆ เหล่านี้แล อันพระผู้มีพระภาค ผู้ทรงรู้ทรงเห็นเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นตรัสไว้โดยชอบแล้ว พวกเราทั้งหมด ด้วยกันพึงสังคายนา ไม่พึงกล่าวแก่งแย่งกันในธรรมนั้น การที่พรหมจรรย์นี้จะพึงยั่งยืนตั้งอยู่ นาน นั้นพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ชนมาก เพื่อความสุขแก่ชนมาก เพื่อความอนุเคราะห์แก่โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ฯ จบ หมวด ๒ ____________