พระสุตตันตปิฎกไทย: 20/207/513

สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต
เล่ม 20
หน้า 207
กล่าวแก้แล้วว่า คนพวกใดปฏิบัติเพื่อละราคะ ปฏิบัติเพื่อละโทสะ ปฏิบัติเพื่อละโมหะ คนพวก นั้นปฏิบัติดีแล้วในโลก ข้อนี้ท่านได้กล่าวแก้แล้วว่า คนพวกใดละราคะได้แล้ว ตัดรากขาด แล้ว ทำไม่ให้มีที่ตั้งดุจตาลยอดด้วน ทำไม่ให้มี ไม่ให้เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา คนพวก ใดละโทสะได้แล้ว ฯลฯ คนพวกใดละโมหะได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว ทำไม่ให้มีที่ตั้งดุจตาล ยอดด้วน ทำไม่ให้มี ไม่ให้เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา คนพวกนั้นดำเนินไปดีแล้วในโลก ดังนี้แล ฯ ค. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้อนี้น่าอัศจรรย์ ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ไม่เคยมีธรรมเทศนาจักไม่ ชื่อว่าเป็นการยกย่องธรรมของตนเอง และจักไม่เป็นการรุกรานธรรมของผู้อื่น เป็นธรรมเทศนา เฉพาะแต่ในเหตุ ท่านกล่าวแต่เนื้อความ และมิได้นำตนเข้าไป ข้าแต่ท่านพระอานนท์ ท่าน ทั้งหลายแสดงธรรมเพื่อละราคะแสดงธรรมเพื่อละโทสะ แสดงธรรมเพื่อละโมหะ ท่าน ทั้งหลายกล่าวธรรมดีแล้วท่านทั้งหลายปฏิบัติดีแล้วในโลก ท่านทั้งหลายละราคะได้แล้ว ตัด รากขาดแล้วทำไม่ให้มีที่ตั้งดุจตาลยอดด้วน ทำไม่ให้มี ไม่ให้เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายละโทสะได้แล้ว ฯลฯ ท่านทั้งหลายละโมหะได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว ทำไม่ให้มี ที่ตั้งดุจตาลยอดด้วน ทำไม่ให้มี ไม่ให้เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดาท่านทั้งหลายดำเนินไปดี แล้วในโลก ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ภาษิตของท่านแจ่มแจ้งนักข้าแต่ท่านผู้เจริญ ภาษิตของท่านแจ่มแจ้ง นัก พระผู้เป็นเจ้าอานนท์ประกาศธรรมโดยอเนกปริยายเปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่ผู้หลงทาง หรือส่องประทีปในที่มืดด้วยตั้งใจว่า คนมีจักษุจักเห็นรูป ฉะนั้นข้าแต่ท่านพระอานนท์ ข้าพเจ้านี้ขอถึงพระผู้มีพระภาค กับทั้งพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ว่า เป็นสรณะ ขอพระผู้เป็นเจ้าอานนท์จงจำข้าพเจ้าว่าเป็นอุบาสก ผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วัน นี้เป็นต้นไป ฯ สักกสูตร
[๕๑๓] ๗๔. สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ นิโครธาราม ใกล้กรุงกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกชนบท ก็โดยสมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงเป็นไข้ หายจากความไข้ไม่นาน ครั้ง