พระสุตตันตปิฎกไทย: 16/247/617 618 619
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค
ปฐวีธาตุ ... อาโปธาตุ ... เตโชธาตุ ...วาโยธาตุ ... อากาสธาตุ ... วิญญาณธาตุ เที่ยงหรือไม่เที่ยง ฯ
ท่านพระราหุลกราบทูลว่า ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า ... ฯ
[๖๑๗] ดูกรราหุล อริยสาวกผู้ได้สดับ เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในปฐวีธาตุ
ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในอาโปธาตุ ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในเตโชธาตุ ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในวาโยธาตุ
ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในอากาสธาตุ ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในวิญญาณธาตุ เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลาย
กำหนัด ฯลฯ ฯ
จบสูตรที่ ๙
๑๐. ขันธสูตร
[๖๑๘] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
เขตพระนครสาวัตถี ... พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรราหุล เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
รูป ... เวทนา ... สัญญา ... สังขาร ...วิญญาณ เที่ยงหรือไม่เที่ยง ฯ
ท่านพระราหุลกราบทูลว่า ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า ... ฯ
พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า ฯ
รา. เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า ฯ
พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรละหรือที่จะตามเห็น
สิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตนของเรา ดังนี้ ฯ
รา. ไม่ควรตามเห็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ
[๖๑๙] ดูกรราหุล อริยสาวกผู้ได้สดับ เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในรูป ย่อม
เบื่อหน่ายทั้งในเวทนา ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในสัญญา ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในสังขาร ย่อมเบื่อหน่าย
ทั้งในวิญญาณ เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัดเพราะคลายกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น เมื่อจิต
หลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่าจิตหลุดพ้นแล้ว ดังนี้ อริยสาวกนั้นย่อมทราบชัดว่า ชาติสิ้น
แล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ดังนี้ ฯ
จบสูตรที่ ๑๐
จบปฐมวรรคที่ ๑
___________