พระสุตตันตปิฎกไทย: 18/253/468 469 470
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
คามในโลกนี้ เวลาเช้ามีใจอันมลทิน คือความตระหนี่กลุ้มรุมแล้วอยู่ครองเรือน เวลาเที่ยงมี
ใจอันความริษยากลุ้มรุมแล้วอยู่ครองเรือนเวลาเย็นมีใจอันกามราคะกลุ้มรุมแล้วอยู่ครองเรือน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย มาตุคามผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการนี้แล โดยมากเมื่อแตกกายตายไป
ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ฯ
จบสูตรที่ ๔
อนุรุทธสูตร
[๔๖๘] ครั้งนั้นแล ท่านพระอนุรุทธะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ฯลฯ ครั้น
แล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส ข้าพระองค์ได้
เห็นมาตุคามเมื่อแตกกายตายไป เข้าถึงอบายทุคติ วินิบาต นรก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วง
จักษุของมนุษย์ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มาตุคามผู้ประกอบด้วยธรรมเท่าไรหนอ เมื่อแตกกาย
ตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ฯ
[๔๖๙] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอนุรุทธะ มาตุคามผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ
เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
มาตุคามเป็นผู้ไม่มีศรัทธา ๑ ไม่มีหิริ ๑ ไม่มีโอตตัปปะ ๑ มักโกรธ ๑ มีปัญญาทราม ๑ ดูกร
อนุรุทธะ มาตุคามผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย
ทุคติ วินิบาตนรก ฯ
จบสูตรที่ ๕
อุปนาหีสูตร
[๔๗๐] ดูกรอนุรุทธะ มาตุคามผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ เมื่อแตกกายตายไป
ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ธรรม ๕ ประการเป็นไฉนคือ มาตุคามเป็นผู้ไม่มี