พระสุตตันตปิฎกไทย: 16/264/659 660 661
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค
ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิกขมานานี้ได้เป็นสิกขมานาผู้ชั่วช้าในศาสนาของพระกัสสปสัมมา
สัมพุทธเจ้า ฯลฯ ฯ
จบสูตรที่ ๙
๑๐. สามเณรสูตร
[๖๕๙] ฯลฯ ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้ตอบว่า เมื่อผมลงมาจากภูเขาคิชฌกูฏ
ได้เห็นสามเณรลอยอยู่ในเวหาส ผ้าสังฆาฏิก็ดี บาตรก็ดี ประคตเอวก็ดี ร่างกายก็ดี ของ
สามเณรนั้น อันไฟติดทั่วลุกโชติช่วงแล้ว ได้ยินว่าสามเณรนั้นส่งเสียงร้องครวญคราง ฯลฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สามเณรนั้นเป็นสามเณรผู้ชั่วช้าในศาสนาของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า
ฯลฯ ฯ
จบสูตรที่ ๑๐
๑๑. สามเณรีสูตร
[๖๖๐] ฯลฯ ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้ตอบว่า เมื่อผมลงมาจากภูเขาคิชฌกูฏ ได้
เห็นสามเณรีลอยอยู่ในเวหาส ผ้าสังฆาฏิก็ดี บาตรก็ดี ประคตเอวก็ดี ร่างกายก็ดี ของสามเณรีนั้น
อันไฟติดทั่วลุกโชติช่วงแล้ว ได้ยินว่า สามเณรีนั้นส่งเสียงร้องครวญคราง ผมคิดว่า น่า
อัศจรรย์จริงหนอ ไม่เคยมีมาหนอสัตว์แม้เห็นปานนี้ก็จักมี ยักษ์แม้เห็นปานนี้ก็จักมี การ
ได้อัตภาพแม้เห็นปานนี้ก็จักมี ฯ
[๖๖๑] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
สาวกทั้งหลายเป็นผู้มีจักษุหนอ เป็นผู้มีญาณหนอ เพราะแม้สาวกก็จักรู้จักเห็นสัตว์เห็นปานนี้
หรือจักเป็นพยาน เมื่อก่อน สามเณรีนั้นเราก็ได้เห็นแล้วเหมือนกัน แต่ว่ามิได้พยากรณ์
หากว่าเราจะพึงพยากรณ์สามเณรีนี้ไซร้ คนอื่นก็จะไม่พึงเชื่อถือเรา ข้อนั้นพึงเป็นไปเพื่อมิใช่
ประโยชน์ เพื่อความทุกข์สิ้นกาลนาน แก่ผู้ที่ไม่เชื่อถือเรา ดูกรภิกษุทั้งหลาย สามเณรีได้เป็นสามเณรี
ผู้ชั่วช้าในศาสนาของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยผลของกรรมนั้น สามเณรี