พระสุตตันตปิฎกไทย: 16/268/668 669
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค
โค หรือผู้ใดพึงเจริญเมตตาจิตในเวลาเย็น โดยที่สุดแม้เพียงชั่วการหยดน้ำนมแห่งแม่โค การ
เจริญเมตตาจิตนี้มีผลมากกว่าทานที่บุคคลให้แล้ว ๓ ครั้งในวันหนึ่งนั้น เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอ
ทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักเจริญเมตตาเจโตวิมุติ กระทำให้มาก กระทำให้เป็นประดุจยาน
กระทำให้เป็นที่ตั้งอาศัย ให้มั่นคง สั่งสม ปรารภด้วยดี ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึง
ศึกษาอย่างนี้แหละ ฯ
จบสูตรที่ ๔
๕. สัตติสูตร
[๖๖๘] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
เขตพระนครสาวัตถี ... พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย หอกมีใบอันคม ถ้าบุรุษ
พึงมากล่าวว่า เราจักงอเข้า จักพับ จักม้วนซึ่งหอกมีใบอันคมนี้ด้วยฝ่ามือ หรือด้วยกำมือ ดังนี้
เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บุรุษนั้นเป็นผู้สามารถเพื่อจะงอเข้า เพื่อจะพับ เพื่อจะม้วน
ซึ่งหอกมีใบอันคมโน้นด้วยฝ่ามือ หรือด้วยกำมือได้หรือหนอ ฯ
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า เป็นไปไม่ได้ พระเจ้าข้า ฯ
พ. ข้อนั้นเพราะเหตุไร ฯ
ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะว่าการที่จะงอเข้า จะพับและจะม้วนซึ่งหอกมีใบอันคม
ด้วยฝ่ามือหรือด้วยกำมือ กระทำไม่ได้ง่าย ก็แหละบุรุษนั้น พึงเป็นผู้มีส่วนแห่งความเหน็ด
เหนื่อยลำบากถ่ายเดียว แม้ฉันใด ฯ
[๖๖๙] พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง เจริญเมตตาเจโตวิมุติ กระทำให้
มาก กระทำให้เป็นประดุจยาน กระทำให้เป็นที่ตั้งอาศัยให้มั่นคง สั่งสม ปรารภด้วยดี ถ้า
อมนุษย์จะพึงกระทำจิตของภิกษุนั้นให้ฟุ้งซ่านอมนุษย์นั้นพึงเป็นผู้มีส่วนแห่งความเหน็ดเหนื่อย
ลำบากถ่ายเดียว ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจัก
เจริญเมตตาเจโตวิมุติ กระทำให้มาก กระทำให้เป็นประดุจยาน กระทำให้เป็นที่ตั้งอาศัย ให้
มั่นคง สั่งสม ปรารภด้วยดี ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ ฯ
จบสูตรที่ ๕