พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/276/309
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรเหมวตะ
เมื่ออายตนะภายในและภายนอก ๖ เกิดขึ้น โลกจึงเกิดขึ้น โลกย่อม
กระทำความเชยชิดในอายตนะภายในและภายนอก ๖ โลกยึดถืออายตนะ
ภายในและภายนอก ๖ นั่นแหละ เมื่ออายตนะภายในและภายนอก ๖
มี โลกจึงเดือดร้อน ฯ
อุปาทานที่เป็นเหตุให้โลกต้องเดือดร้อนเป็นไฉน ข้าพระองค์ทูลถาม
แล้ว ขอพระองค์ตรัสบอก ซึ่งธรรมชาติเป็นเครื่องออกจากโลก บุคคล
จะพ้นจากทุกข์ได้อย่างไร ฯ
กามคุณ ๕ ในโลกมีใจเป็นที่ ๖ เราประกาศแล้ว บุคคลคลายความพอใจ
ในกามคุณ ๕ นี้ได้แล้วย่อมพ้นจากทุกข์ได้ด้วยอาการอย่างนี้ เราบอกซึ่ง
ธรรมชาติเป็นเครื่องออกจากโลกนี้ ตามความเป็นจริง แก่ท่านทั้งหลาย
แล้ว ถ้าแม้ท่านทั้งหลายพึงถามเราพันครั้ง เราก็จะบอกข้อนี้แก่ท่าน
ทั้งหลายเพราะบุคคลย่อมพ้นจากทุกข์ได้ด้วยอาการอย่างนี้ ฯ
ในโลกนี้ใครเล่าข้ามโอฆะได้ ในโลกนี้ใครเล่าข้ามอรรณพได้ ใครย่อม
ไม่จมลงในอรรณพที่ลึกซึ้ง ไม่มีที่พึ่ง ไม่มีที่ยึดเหนี่ยว ฯ
ผู้ถึงพร้อมแล้วด้วยศีล มีปัญญา มีใจตั้งมั่นดีแล้ว มีความหมายรู้ ณ
ภายใน มีสติทุกเมื่อ ย่อมข้ามพ้นโอฆะที่ข้ามได้แสนยาก ผู้นั้นเว้น
จากกามสัญญา ล่วงสังโยชน์ทั้งปวงเสียได้ มีความเพลิดเพลินและภพ
หมดสิ้นแล้ว ย่อมไม่จมลงในอรรณพ คือ สงสารอันลึก ฯ
เชิญท่านทั้งหลาย ดูพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ผู้มีพระปัญญาลึกซึ้ง
ผู้ทรงแสดงเนื้อความละเอียด ไม่มีความกังวลไม่ข้องแล้วในกามภพ
พ้นวิเศษแล้วในอารมณ์ทั้งปวง ทรงดำเนินไปในทางอันเป็นทิพย์ ทรง
แสวงหาคุณอันใหญ่เชิญท่านทั้งหลายดูพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น
ผู้มีพระนามไม่ทราม ผู้ทรงแสดงเนื้อความละเอียด ผู้ทรงให้ปัญญา ไม่
ข้องแล้วในอาลัยในกาม ทรงรู้ธรรมทั้งปวง มีพระปัญญาดีทรงดำเนิน
ไปในทางอันเป็นอริยะ ทรงแสวงหาคุณอันใหญ่ ฯ