พระสุตตันตปิฎกไทย: 13/277/382
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
ดูกรอุทายี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ในสมัยที่ตนละการพูดเท็จ เว้นขาดจาก
การพูดเท็จนั้น ตนมีสุขโดยส่วนเดียว หรือมีสุขบ้างทุกข์บ้าง?
มีสุขบ้างทุกข์บ้าง พระเจ้าข้า.
ดูกรอุทายี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ในสมัยที่ตนสมาทานคุณ คือตบะอย่างใด
อย่างหนึ่งประพฤติอยู่นั้น ตนมีสุขโดยส่วนเดียว หรือมีสุขบ้างทุกข์บ้าง?
มีสุขบ้างทุกข์บ้าง พระเจ้าข้า.
ดูกรอุทายี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน การจะอาศัยปฏิปทาอันมีทั้งสุขและทุกข์
เกลื่อนกล่น แล้วทำให้แจ้งซึ่งโลกที่มีสุขโดยส่วนเดียว มีอยู่บ้างหรือหนอ?
พระผู้มีพระภาคทรงคัดค้านเรื่องนี้เสียแล้ว พระสุคตทรงคัดค้านเรื่องนี้เสียแล้ว.
ดูกรอุทายี ทำไมท่านจึงกล่าวอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคทรงคัดค้านเรื่องนี้เสียแล้ว พระ
สุคตทรงคัดค้านเรื่องนี้เสียแล้ว ดังนี้ เล่า?
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในลัทธิอาจารย์ของตนของข้าพระองค์ทั้งหลาย มีอยู่อย่างนี้ว่า
โลกมีสุขโดยส่วนเดียวมีอยู่ ปฏิปทาที่มีเหตุเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโลกที่มีสุขโดยส่วนเดียวก็มีอยู่ ดังนี้.
ข้าพระองค์เหล่านั้น เมื่อถูกพระผู้มีพระภาคสอบสวน ซักไซร้ ไล่เลียง ในลัทธิอาจารย์ของตน
ก็เป็นคนว่างเปล่า ผิดไปหมด ข้าแต่พระองค์เจริญ ก็โลกซึ่งมีความสุขโดยส่วนเดียว มีอยู่หรือ
ปฏิปทาที่มีเหตุเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโลกที่มีสุขโดยส่วนเดียวมีอยู่หรือ?
ดูกรอุทายี โลกมีสุขโดยส่วนเดียวมีอยู่ ปฏิปทาที่มีเหตุเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโลกที่มีสุข
อย่างเดียวให้แจ้งชัดก็มีอยู่.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ปฏิปทาที่มีเหตุเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโลกที่มีสุขโดยส่วนเดียวนั้น
เป็นไฉน?
ฌาน ๔
[๓๘๒] ดูกรอุทายี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุ
ปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิด แต่วิเวกอยู่ ๑ บรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิต
ในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิด
แต่สมาธิอยู่ ๑ มีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะและเสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุ