พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/296/326

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เล่ม 25
หน้า 296
และฤษยา ไม่ยังธรรมให้แจ่มแจ้งในศาสนานี้เทียว ยังข้ามความสงสัย ไม่ได้ ย่อมเข้าถึงความตาย บุคคลไม่ยังธรรมให้แจ่มแจ้งแล้ว ไม่ ใคร่ครวญเนื้อความในสำนัก แห่งบุคคลผู้เป็นพหูสูตทั้งหลายไม่รู้ด้วย ตนเอง ยังข้ามความสงสัยไม่ได้ จะสามารถให้ผู้อื่นเพ่งพินิจได้อย่างไร เหมือนคนข้ามแม่น้ำที่มีน้ำมากมีกระแสไหลเชี่ยว ถูกน้ำพัดลอยไป ตามกระแสน้ำ จะสามารถช่วยให้ผู้อื่นข้ามได้อย่างไร ฉะนั้น ผู้ใดขึ้นสู่ เรือที่มั่นคง มีพายุและถ่อพร้อมมูล ผู้นั้นรู้อุบายในเรือนั้นเป็นผู้ฉลาด มีสติ พึงช่วยผู้อื่นแม้จำนวนมากในเรือนั้นให้ข้ามได้ แม้ฉันใด ผู้ใดไปด้วยมรรคญาณทั้ง ๔ อบรมตนแล้ว เป็นพหูสูต ไม่มีความ หวั่นไหวเป็นธรรมดา ผู้นั้นแลรู้ชัดอยู่ พึงยังผู้อื่นผู้ตั้งใจสดับและ สมบูรณ์ด้วยธรรมอันเป็นอุปนิสัยให้เพ่งพินิจได้ ฉันนั้น เพราะเหตุ นั้นแลบุคคลควรคบสัปบุรุษผู้มีปัญญา เป็นพหูสูต บุคคลผู้คบบุคคล เช่นนั้น รู้ชัดเนื้อความแล้ว ปฏิบัติอยู่ รู้แจ้งธรรมแล้ว พึงได้ความสุข ฯ จบนาวาสูตรที่ ๘ กึสีลสูตรที่ ๙ ท่านพระสารีบุตรทูลถามด้วยคาถาว่า
[๓๒๖] นรชนพึงมีปรกติอย่างไร มีความประพฤติอย่างไร พึงพอกพูนกรรม เป็นไฉน จึงจะเป็นผู้ดำรงอยู่โดยชอบ และพึงบรรลุถึงประโยชน์ อันสูงสุดได้ พระเจ้าข้า ฯ พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า นรชนพึงเป็นผู้ประพฤติอ่อนน้อมต่อบุคคลผู้เจริญ ไม่ริษยาและเมื่อ ไปหาครูก็พึงรู้จักกาล พึงรู้จักขณะ ฟังธรรมีกถาที่ครูกล่าวแล้ว พึงฟัง สุภาษิตโดยเคารพ พึงไปหาครูผู้นั่งอยู่ในเสนาสนะของตนตามกาล