พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/297/327

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เล่ม 25
หน้า 297
ทำมานะดุจเสาให้พินาศพึงประพฤติอ่อนน้อม พึงระลึกถึงเนื้อความ แห่งภาษิต ธรรมคือบาลี ศีล พรหมจรรย์ และพึงประพฤติ โดยเอื้อเฟื้อด้วยดี นรชนมีธรรมเป็นที่มายินดี ยินดีแล้วในธรรม ตั้งอยู่ในธรรม รู้จักวินิจฉัยธรรม ไม่พึงประพฤติถ้อยคำที่ประทุษร้าย ธรรมเลย พึงให้กาลสิ้นไปด้วยภาษิตที่แท้ นรชนละความรื่นเริง การพูดกระซิบ ความร่ำไร ความประทุษร้าย ความหลอกลวงที่ทำด้วย มารยา ความยินดี ความถือตัวความแข่งดี ความหยาบคาย และ ความหมกมุ่นด้วยกิเลสดุจน้ำฝาด พึงเป็นผู้ปราศจากความมัวเมา ดำรง ตนมั่นเที่ยวไป นรชนเช่นนั้น รู้แจ้งสุภาษิตที่เป็นสาระ รู้แจ้งสูตรและ สมาธิที่เป็นสาระ ปัญญาและสุตะ ย่อมไม่เจริญแก่นรชนผู้เป็นคน ผลุนผลัน เป็นคนประมาท ส่วนนรชนเหล่าใด ยินดีแล้วในธรรมที่ พระอริยะเจ้าประกาศแล้ว นรชนเหล่านั้นเป็นผู้ประเสริฐกว่าสัตว์ ที่เหลือด้วยวาจา ด้วยใจและการงาน นรชนเหล่านั้นดำรงอยู่ด้วยดีแล้ว ในขันติโสรัจจะ และสมาธิ ได้บรรลุถึงธรรมอันเป็นสาระแห่งสุตะ และปัญญา ฯ จบกึสีลสูตรที่ ๙ อุฏฐานสูตรที่ ๑๐
[๓๒๗] เธอทั้งหลายจงลุกขึ้นเถิด จงนั่งเถิด เธอทั้งหลายจะได้ประโยชน์อะไร ด้วยความหลับ เพราะความหลับจะเป็นประโยชน์อะไรแก่เธอทั้งหลาย ผู้เร่าร้อนเพราะโรค คือกิเลสมีประการต่างๆ ถูกลูกศร คือ ราคะ เป็นต้นแทงแล้วย่อยยับอยู่ เธอทั้งหลายจงลุกขึ้นเถิด จงนั่งเถิด จงหมั่นศึกษาเพื่อสันติเถิด มัจจุราชอย่ารู้ว่าเธอทั้งหลายประมาทแล้ว