พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/298/328

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เล่ม 25
หน้า 298
ยังเธอทั้งหลายผู้ตกอยู่ในอำนาจให้ลุ่มหลงเลย เธอทั้งหลายจงข้าม ตัณหาอันซ่านไปในอารมณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นเหตุให้เทวดาและมนุษย์ผู้มี ความต้องการอาศัยรูป เป็นต้น ดำรงอยู่ขณะอย่าได้ล่วงเธอทั้งหลาย ไปเสีย เพราะว่าผู้ล่วงขณะเสียแล้ว เป็นผู้ยัดเยียดกันในนรกเศร้า โศกอยู่ ความประมาทเป็นดุจธุลี ตกต้องแล้วเพราะความมัวเมาในปฐม วัยนอกนี้ความประมาทเป็นดุจธุลี ตกต้องแล้วเพราะความมัวเมาในวัย เพราะฉะนั้น กุลบุตรผู้เป็นบัณฑิต พึงถอนลูกศร คือกิเลสมีราคะ เป็นต้นของตนเสีย ด้วยความไม่ประมาทและด้วยวิชชา ฯ จบอุฏฐานสูตรที่ ๑๐ ราหุลสูตรที่ ๑๑ พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า
[๓๒๘] เธอย่อมไม่ดูหมิ่นบัณฑิต เพราะการอยู่ร่วมกันเนืองๆ แลหรือ การทรงคบเพลิง เพื่อมนุษย์ทั้งหลาย เธอนอบน้อมแล้วแลหรือ ฯ พระราหุลกราบทูลว่า ข้าพระองค์ย่อมไม่ดูหมิ่นบัณฑิต เพราะการอยู่ร่วมกันเนืองๆการทรง คบเพลิงเพื่อมนุษย์ทั้งหลาย ข้าพระองค์นอบน้อมแล้วเป็นนิตย์ ฯ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า เธอละกามคุณห้ามีรูปเป็นที่รัก เป็นที่รื่นรมย์ใจ ออกบวชด้วย ศรัทธาแล้ว จงกระทำที่สุดทุกข์เถิด เธอจงคบกัลยาณมิตร จงเสพที่นอน ที่นั่งอันสงัดเงียบ ปราศจากเสียงกึกก้อง จงรู้จักประมาณในโภชนะ เธออย่าได้กระทำความอยากในวัตถุเป็นที่เกิดตัณหาเหล่านี้ คือ จีวร บิณฑบาตที่นอน ที่นั่ง และปัจจัย เธออย่ากลับมาสู่โลกนี้อีก จงเป็นผู้สำรวมในปาฏิโมกข์และในอินทรีย์ ๕ จงมีสติไปแล้วในกาย จงเป็นผู้มากไปด้วยความเบื่อหน่าย จงเว้นสุภนิมิต อันก่อให้เกิดความ