พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/299/329 330
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
กำหนัด จงอบรมจิตให้มีอารมณ์เป็นหนึ่ง ให้ตั้งมั่นดีแล้วในอสุภภาวนา
จงอบรมวิปัสนา จงละมานานุสัยแต่นั้นเธอจักเป็นผู้สงบ เพราะการ
ละมานะเที่ยวไป ฯ
ได้ยินว่า พระผู้มีพระภาคตรัสสอนท่านพระราหุล ด้วยพระคาถาเหล่านี้เนืองๆ
ด้วยประการฉะนี้แล ฯ
จบราหุลสูตรที่ ๑๑
วังคีสสูตรที่ ๑๒
[๓๒๙] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่อัคคาฬวเจดีย์ ใกล้เมืองอาฬวีก็สมัยนั้นแล
พระเถระชื่อนิโครธกัปปะเป็นอุปัชฌายะ ของท่านพระวังคีสะปรินิพพานแล้วไม่นานที่อัคคาฬวเจดีย์
ครั้งนั้น ท่านพระวังคีสะหลีกเร้นอยู่ในที่สงัด ได้เกิดความปริวิตกแห่งใจขึ้นอย่างนี้ว่า พระ
อุปัชฌายะของเราปรินิพพานแล้วหรือหนอแล หรือว่ายังไม่ปรินิพพาน ครั้นเวลาเย็น ท่าน
พระวังคีสะออกจากที่หลีกเร้น เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ
ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญขอประทาน
วโรกาส ข้าพระองค์หลีกออกเร้นอยู่ในที่ลับ เกิดความปริวิตกแห่งใจขึ้นอย่างนี้ว่า พระอุปัชฌายะ
ของเราปรินิพพานแล้วหรือหนอแล หรือว่ายังไม่ได้ปรินิพพาน ลำดับนั้น ท่านพระวังคีสะ
ลุกจากอาสนะ กระทำจีวรเฉวียงบ่าข้างหนึ่ง ประณมอัญชลีไปทางพระผู้มีพระภาค แล้วได้ทูลถาม
พระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
[๓๓๐] ข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทูลถามพระศาสดาผู้มีพระปัญญาไม่ทราม ข้าแต่
พระผู้มีพระภาค ผู้ทรงเห็นธรรมอันมั่นคงพระองค์ทรงขนานนามแห่ง
ภิกษุผู้เป็นพราหมณ์ ผู้ตัดความสงสัย มีชื่อเสียง มียศ ผู้คุ้มครอง
ตนได้ มุ่งวิมุติ ปรารภความเพียร กระทำกาละที่อัคคาฬวเจดีย์
ที่ข้าพระองค์ได้ประพฤตินอบน้อมท่านอยู่ว่า นิโครธกัปปะ นิพพานแล้ว
ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้ศากยะ มีพระจักษุรอบคอบ แม้ข้าพระองค์