พระสุตตันตปิฎกไทย: 18/310/583 584
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
มีคฤหัสถ์ผู้นุ่งห่มขาว จักบรรลุอุตตริมนุสสธรรมที่เป็นญาณทัสสนะวิเศษชั้นเยี่ยมอย่างบริบูรณ์ เป็น
เครื่องอยู่ผาสุกเช่นนั้นดูกรคฤหบดี ข้าพเจ้าพึงได้บรรพชาอุปสมบทในพระธรรมวินัยนี้ ฯ
ครั้งนั้นแล จิตตคฤหบดีได้พาเอาอเจลกัสสปเข้าไปหาภิกษุผู้เถระถึงที่อยู่แล้วกล่าวว่า
ข้าแต่ท่านผู้เจริญทั้งหลาย อเจลกัสสปผู้นี้เคยเป็นสหายของข้าพเจ้าเมื่อครั้งยังเป็นคฤหัสถ์ ขอ
พระเถระทั้งหลายจงให้อเจลกัสสปผู้นี้บรรพชาอุปสมบทเถิด ข้าพเจ้าจักบำรุงเธอด้วยจีวร
บิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปัจจัยเภสัชบริกขาร อเจลกัสสปได้บรรพชาอุปสมบทในพระธรรม
วินัยแล้ว ท่านพระกัสสปอุปสมบทแล้วไม่นาน หลีกออกจากหมู่ อยู่ผู้เดียว ไม่ประมาท
มีความเพียรมีใจแน่วแน่ กระทำให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม ที่กุลบุตรทั้งหลาย
ออกบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบต้องการนั้น ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ รู้ชัดว่า
ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้วกิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่น เพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
ก็แลท่านพระกัสสปได้เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งในจำนวนพระอรหันต์ทั้งหลาย ฯ
จบสูตรที่ ๙
คิลานสูตร
[๕๘๓] ก็สมัยนั้นแล จิตตคฤหบดีป่วย เป็นทุกข์ มีไข้หนัก ครั้งนั้นแล อารามเทวดา
วนเทวดา รุกขเทวดา (และ) เทวดาที่สิงสถิตอยู่ที่ต้นไม้เป็นยา หญ้าและพญาไม้ มาร่วม
ประชุมกันแล้วกล่าวกับจิตตคฤหบดีว่า ดูกรคฤหบดี ท่านจงปรารถนาว่า ขอให้เราเป็นพระเจ้า
จักรพรรดิราชในอนาคตเถิดเมื่อพวกเทวดากล่าวอย่างนี้แล้ว จิตตคฤหบดีจึงได้กล่าวกะเทวดา
เหล่านั้นว่า แม้การเป็นเช่นนั้นก็เป็นของไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน จำจะต้องละไป ฯ
[๕๘๔] เมื่อจิตตคฤหบดีกล่าวอย่างนี้แล้ว พวกมิตรสหายญาติสาโลหิตของจิตต
คฤหบดีได้กล่าวกะจิตตคฤหบดีว่า ข้าแต่ท่านผู้เป็นบุตรนาย ท่านจงตั้งสติไว้ อย่าเพ้อไป ฯ
จิตต. ฉันได้พูดอะไรออกไปบ้างหรือ ที่เป็นเหตุให้พวกท่านทั้งหลาย กล่าวกะฉัน
อย่างนี้ว่า ข้าแต่ท่านผู้เป็นบุตรนาย ท่านจงตั้งสติไว้ อย่าเพ้อไป ฯ