พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/373/418

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เล่ม 25
หน้า 373
กว่าเขา ว่าเลวกว่าเขาในโลก กิเลสอันฟูขึ้นทั้งหลาย ของผู้นั้น ย่อม ไม่มี ฯ ตัณหานิสสัยและทิฐินิสสัยของผู้ใดไม่มี ผู้นั้นรู้ธรรมแล้วเป็นผู้อันตัณหา และทิฐิไม่อาศัยแล้ว ความทะยานอยากเพื่อความมีหรือเพื่อความ ไม่มี ของผู้ใดไม่มี เรากล่าวผู้นั้นผู้ไม่มีความห่วงใยในกามทั้งหลายว่า เป็นผู้สงบ กิเลสเครื่องร้อยรัดทั้งหลายของผู้ใดไม่มี ผู้นั้นข้ามตัณหาได้ แล้ว บุตร ธิดา สัตว์เลี้ยง ไร่นาและที่ดินของผู้ใดไม่มี แม้ความเห็น ว่าเป็นตัวตนก็ดี ความเห็นว่าไม่เป็นตัวตนก็ดี อันใครๆ ย่อมไม่ได้ใน ผู้นั้น ปุถุชนหรือสมณพราหมณ์จะพึงกล่าวกะผู้นั้น (ว่าผู้ยินดีแล้ว หรือผู้ประทุษร้ายแล้ว) โดยโทษมีราคะเป็นต้นใดโทษมีราคะเป็นต้นนั้น ไม่ใช่เป็นความมุ่งหวังของผู้นั้นเพราะเหตุนั้น ผู้นั้นย่อมไม่หวั่นไหว ในเพราะถ้อยคำทั้งหลาย มุนีผู้ปราศจากความกำหนัดยินดี ไม่มีความ ตระหนี่ย่อมไม่กล่าวยกย่องในบุคคลผู้ประเสริฐกว่า ผู้เสมอกัน หรือ ผู้เลวกว่า ผู้ไม่มีกัปปะ (คือตัณหาแลทิฐิ) ย่อมไม่มาสู่กัปปะผู้ใด ไม่มีความหวงแหนว่าของตนในโลก ไม่เศร้าโศกเพราะสิ่งที่ไม่มีอยู่ และไม่ลำเอียงในธรรมทั้งหลาย ผู้นั้นแล เรากล่าวว่าเป็นผู้สงบ ฯ จบปุราเภทสูตรที่ ๑๐ กลหวิวาทสูตรที่ ๑๑ พระพุทธนิมิตตรัสถามว่า
[๔๑๘] ความทะเลาะ ความวิวาท ความร่ำไร ความเศร้าโศก กับทั้งความ ตระหนี่ ความถือตัว ความดูหมิ่นผู้อื่น และทั้งคำส่อเสียด เกิดจาก อะไร ธรรมเครื่องเศร้าหมองเหล่านั้นเกิดจากอะไร ขอเชิญพระองค์จง ตรัสบอกเนื้อความที่ข้าพระองค์ถามนั้นเถิด ฯ