พระสุตตันตปิฎกไทย: 32/59/18
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑
ราหุลเถราปทานที่ ๖ (๑๖)
ว่าด้วยผลแห่งการถวายเครื่องลาด
[๑๘] เราได้ถวายเครื่องลาดในประสาท ๗ ชั้น แด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่า
ปทุมุตระ เชษฐบุรุษของโลก ผู้คงที่ พระมหามุนีผู้เป็นจอมแห่งชนเป็น
นระผู้ประเสริฐ อันพระขีณาสพพันหนึ่งแวดล้อมแล้ว เสด็จเข้าพระ
คันธกุฎี พระศาสดาผู้ประเสริฐกว่าเทวดา เป็นนระผู้องอาจ ทรงยัง
พระคันธกุฎีให้รุ่งเรือง ประทับยืนในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ ได้ตรัสพระคาถา
เหล่านี้ว่า ที่นอนนี้ผู้ใดให้โชติช่วงแล้ว ดังกระจกเงาอันขัดดีแล้ว เราจัก
พยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าว ประสาททองอันงดงาม หรือ
ประสาทแก้วไพฑูรย์เป็นที่รักแห่งใจจักบังเกิดแก่ผู้นั้น ผู้นั้นจักเป็นจอม
เทวดา เสวยเทวรัชสมบัติอยู่ ๖๔ ครั้ง ในกัลปที่ ๒๑ จักได้เป็นกษัตริย์
พระนามว่าวิมล จักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิทรงครอบครองแผ่นดินมีสมุทร
สาคร ๔ เป็นขอบเขต พระนครชื่อเรณุวดีสร้างด้วยแผ่นอิฐ โดยยาว
๓๐๐ โยชน์ สี่เหลี่ยมจตุรัส ประสาทชื่อสุทัสนะ อันวิสสุกรรมเทพบุตร
นิรมิตให้ ประกอบด้วยเรือนยอดอันประเสริฐ ประดับด้วยแก้ว ๗
ประการ วิทยาธรมีเสียงสิบอย่างต่างๆ กัน มาเกลื่อนกล่นอยู่ เหมือน
จักเป็นนครชื่อสุทัสนะของเหล่าเทวดา รัศมีแห่งนครนั้น เปล่งปลั่งดัง
เมื่อพระอาทิตย์อุทัย นครนั้นจักรุ่งเรืองจ้าโดยรอบ ๘ โยชน์อยู่เป็นนิจ
ในแสนกัลป พระศาสดาทรงพระนามว่าโคดมโดยพระโคตร ซึ่งมีสมภพ
ในวงศ์พระเจ้าโอกกากราช จักเสด็จอุบัติในโลก ผู้นั้นอันกุศลมูลตัก
เตือนแล้ว จักเคลื่อนจากภพดุสิต จักได้เป็นพระราชโอรสของพระผู้มี
พระภาคพระนามว่าโคดม ถ้าจะพึงอยู่ครองเรือนผู้นั้นพึงได้เป็นพระเจ้า
จักรพรรดิ แต่ข้อที่เขาจะคงที่ถึงความยินดีในเรือนนั้น ไม่เป็นฐานะที่จะ
มีได้ เขาจักออกบวชเป็นบรรพชิต เป็นผู้มีวัตรอันงาม จักได้เป็นพระ