พระสุตตันตปิฎกไทย: 32/64/21

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑
เล่ม 32
หน้า 64
โสปากเถราปทาน ที่ ๙ (๑๙) ว่าด้วยผลแห่งการถวายอาสนะดอกไม้
[๒๑] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ เสด็จมายังสำนักของเราซึ่งกำลังชำระ เงื้อมเขาอยู่ที่ภูเขาสูงอันประเสริฐ เราเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จเข้ามา ได้ ตกแต่งเครื่องลาดแล้ว ได้ปูลาดอาสนะดอกไม้ถวายแด่พระโลกเชษฐ์ผู้คง ที่ พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะนายกของโลกประทับนั่งบนอาสนะ ดอกไม้แล้ว ทรงทราบคติของเรา ได้ตรัสความเป็นอนิจจํว่า สังขาร ทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มีความเกิดขึ้นและเสื่อมไปเป็นธรรมดา เกิดขึ้น แล้วย่อมดับไป ความที่สังขารเหล่านั้นสงบระงับเป็นสุข พระสัพพัญญู เชษฐบุรุษของโลก เป็นพระผู้ประเสริฐ ทรงเป็นนักปราชญ์ ตรัสดังนี้ แล้ว เสด็จเหาะขึ้นในอากาส ดังพระยาหงส์ในอัมพร เราละทิฏฐิของ ตนแล้วเจริญอนิจจสัญญา ครั้นเราเจริญอนิจจสัญญาได้วันเดียวก็ทำกาละ ณ ที่นั้นเอง เราเสวยสมบัติทั้งสอง อันกุศลมูลตักเตือนแล้วเกิดในภพ ที่สุด เข้าถึงกำเนิดพ่อครัว เราออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต เรามี กาลฝน ๗ โดยกำเนิด ได้บรรลุอรหัต เราปรารภความเพียร มีใจแน่วแน่ ตั้งมั่นอยู่ในศีลด้วยดี ยังพระมหานาคให้ทรงยินดีแล้ว ได้อุปสมบทในกัลป ที่ ๙๔ แต่กัลปนี้ เราได้ทำกรรมใดในกาลนั้น ด้วยผลแห่งกรรมนั้น เรา ไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายอาสนะดอกไม้ในกัลปที่ ๙๔ แต่ กัลปนี้ เราได้เจริญสัญญาใดในกาลนั้น เราเจริญสัญญานั้นอยู่ ได้บรรลุ อาสวขัยแล้ว คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ฉะนี้แล. ทราบว่า ท่านพระโสปากเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล. จบ โสปากเถราปทาน. --------------