พระสุตตันตปิฎกไทย: 32/67/23
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑
สุภูติวรรคที่ ๓
สุภูติเถราปทานที่ ๑ (๒๑)
ว่าด้วยผลแห่งการเจริญพุทธานุสสติ
[๒๓] ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมวันต์ มีภูเขาชื่อนิสภะ เราได้สร้างอาศรมไว้ที่ภูเขา
นิสภะนั้นอย่างสวยงาม สร้างบรรณศาลาไว้ ในกาลนั้น เราเป็นชฎิลมีนาม
ชื่อว่าโกลิยะ มีเดชรุ่งเรือง ผู้เดียว ไม่มีเพื่อน อยู่ที่ภูเขานิสภะ เวลานั้น
เราไม่บริโภคผลไม้ เหง้ามันและใบไม้ ในกาลนั้น เราอาศัยใบไม้เป็นต้น
ที่เกิดเองและหล่นเองเลี้ยงชีวิต เราย่อมไม่ยังอาชีพให้กำเริบ แม้จะสละ
ชีวิต ย่อมยังจิตของตนให้ยินดี เว้นอเนสนา จิตสัมปยุตด้วยราคะเกิดขึ้น
แก่เรา เมื่อใด เมื่อนั้น เราบอกตนเองว่า เราผู้เดียวทรมานจิตนั้น ท่าน
กำหนัดในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ขัดเคืองในอารมณ์เป็นที่ตั้ง
แห่งความขัดเคือง และหลงใหลในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความหลงใหล จง
ออกไปเสียจากป่า ที่อยู่นี้เป็นของท่านผู้บริสุทธิ์ ไม่มีมลทิน มีตบะ
ท่านอย่าประทุษร้ายผู้บริสุทธิ์เลย จงออกไปเสียจากป่าเถิด ท่านจักเป็น
เจ้าเรือนได้สิ่งที่ควรได้เมื่อใด ท่านอย่ายินดีแม้ทั้งสองอย่างนั้นเลย จงออก
ไปจากป่าเถิด เปรียบเหมือนฟืนเผาศพ ไม่ใช้ทำกิจอะไรที่ไหนๆ ไม้นั้น
เขาไม่ได้สมมติว่า เป็นไม้ในบ้านหรือในป่า ฉันใด ท่านก็เปรียบเหมือน
ฟืนเผาศพ ฉันนั้น ไม่ใช่คฤหัสถ์ สมณะก็ไม่ใช่ วันนี้ ท่านพ้นจาก
เพศทั้งสอง จงออกจากป่าไปเสียเถิด ข้อนี้พึงมีแก่ท่านหรือหนอ ใครจะรู้
ข้อนี้ของท่าน ใครจะนำธุระของเราไปโดยเร็ว เพราะท่านมากด้วยความ
เกียจคร้าน วิญญูชนจักเกลียดท่าน เหมือนชาวเมืองเกลียดของไม่สะอาด
ฉะนั้น ฤาษีทั้งหลาย จักคร่า ท่านมาโจทท้วง ทุกเมื่อ วิญญูชนจักประกาศ
ท่านว่ามีศาสนาอันก้าวล่วงแล้ว ก็เมื่อไม่ได้สังวาส ท่านจักเป็นอยู่อย่างไร
ช้างมีกำลัง เข้าไปหาช้างกุญชรตกมัน ๓ ครั้ง เกิดในสกุลช้างมาตังคะ
มีอายุ ๖๐ ถอยกำลังแล้ว นำ (ขับ) ออกจากโขลง มันถูกขับจากโขลง