พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/75/193 194 195
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
พัดไป ไม่ถูกนำไป ไม่ถูกเคลื่อนไปด้วยธรรมอันเป็นพวก พระผู้มีพระภาคไม่เสด็จไปอย่างนี้
เพราะฉะนั้น จึงทรงพระนามว่า นาค.
พระผู้มีพระภาคไม่เสด็จมาอย่างไร เพราะฉะนั้น จึงทรงพระนามว่า นาค? พระผู้มี
พระภาคไม่มาอีก ไม่ย้อนมา ไม่กลับมาสู่กิเลสทั้งหลาย ที่พระองค์ทรงละได้แล้วด้วยโสดาปัตติ
มรรค ... ด้วยสกทาคามิมรรค ... ด้วยอนาคามิมรรค ... ด้วยอรหัตมรรค. พระผู้มีพระภาค
ไม่เสด็จมาอย่างนี้ เพราะฉะนั้น จึงทรงพระนามว่า นาค เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ข้าพระองค์
มาพบพระผู้มีพระภาคผู้เป็นนาค จึงขอนมัสการพระองค์.
[๑๙๓] คำว่า อปฺเปว มํ ภควา อฏฺฐิตํ โอวเทยฺย ความว่า ขอพระผู้มีพระภาค
พึงตรัสสอนข้าพระองค์บ่อยๆ คือ โปรดตรัสสอนโดยเอื้อเฟื้อ ตรัสสอนเนืองๆ ตรัสสอน
พร่ำสอนบ่อยๆ บ้าง เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ขอพระผู้มีพระภาคพึงตรัสสอนข้าพระองค์บ่อยๆ
บ้าง. เพราะเหตุนั้น พราหมณ์นั้นจึงกล่าวว่า
พระองค์เป็นพระมุนี ตรัสสอนชนเหล่าใดบ่อยๆ ก็ชน
แม้เหล่านั้นพึงละทุกข์ได้เป็นแน่. ข้าพระองค์มาพบแล้ว
ซึ่งพระผู้มีพระภาคผู้ประเสริฐ จักขอนมัสการพระองค์.
ขอพระผู้มีพระภาคพึงตรัสสอนข้าพระองค์บ่อยๆ บ้าง.
[๑๙๔] บุคคลพึงรู้จักผู้ใดว่าเป็นพราหมณ์ ผู้ถึงเวท ไม่มีกิเลสเครื่อง
กังวล ไม่ข้องเกี่ยวในกามภพ ผู้นั้นข้ามได้แล้วซึ่งโอฆะนี้
โดยแท้ และเป็นผู้ข้ามถึงฝั่ง ไม่มีเสาเขื่อน ไม่มีความ
สงสัย.
[๑๙๕] คำว่า พฺราหฺมณํ ในอุเทศว่า ยํ พฺราหฺมณํ เวทคุํ อภิชญญา ความว่า ชื่อว่า
เป็นพราหมณ์เพราะเป็นผู้ลอยเสียแล้วซึ่งธรรม ๗ ประการ. เป็นผู้ลอยสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา
สีลัพพตปรามาส ราคะ โทสะ โมหะ มานะ. เป็นผู้ลอยอกุศลบาปธรรมอันทำให้เศร้าหมอง
ให้เกิดในภพใหม่ มีความกระวนกระวาย มีทุกข์เป็นวิบาก เป็นที่ตั้งแห่งชาติ ชราและมรณะ
ต่อไป.
(พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรสภิยะ) พระผู้มีพระภาค
ลอยเสียแล้วซึ่งธรรมอันลามกทั้งปวง ปราศจากมลทิน มีจิต