พระสุตตันตปิฎกไทย: 32/75/25

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑
เล่ม 32
หน้า 75
ตีณิสรณาคมนียเถราปทานที่ ๓ (๒๓) ว่าด้วยผลแห่งการรับสรณะ ๓
[๒๕] เราเป็นคนบำรุงมารดาบิดา อยู่ในนครจันทวดีเวลานั้น เราเลี้ยงดูมารดา บิดาของเราผู้ตาบอด เรานั่งอยู่ในที่ลับ คิดอย่างนี้ในเวลานั้นว่า เรา เลี้ยงดูมารดาบิดาอยู่ จึงไม่ได้บวช โลกทั้งหลายอันความมืดมนอนธการ ปิดแล้ว ย่อมถูกไฟ ๓ กองเผา เมื่อเราเกิดแล้วในภพเช่นนี้ ไม่มีใครจะ เป็นผู้แนะนำ พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติแล้วในโลก บัดนี้ พระพุทธศาสนา กำลังรุ่งเรือง สัตว์ผู้ใคร่บุญอาจรื้อถอนตนขึ้นได้ เราจะรับสรณะ ๓ แล้ว จะรักษาให้บริบูรณ์ ด้วยกุศลกรรมที่ได้ทำแล้วนั้น เราจะพ้นทุคติได้ เราได้เข้าไปหาท่านพระสมณะชื่อนิสภะ อัครสาวกของพระพุทธเจ้าแล้ว รับสรณคมน์ ในครั้งนั้นเรามีอายุได้แสนปี ได้รักษาสรณคมน์ให้บริบูรณ์ ตลอดเวลาเท่านั้น เมื่อกาลที่สุดล่วงไป เราได้ระลึกถึงสรณคมน์ ด้วย กุศลกรรมที่ได้ทำแล้วนั้น เราได้ไปสู่ภพดาวดึงส์ เมื่อเรายังอยู่ในเทวโลก ประกอบแต่บุญกรรม เราอุบัติ ณ ประเทศใดๆ เราย่อมได้เหตุ ๘ ประการ คือ ในประเทศนั้นๆ เราเป็นผู้อันเขาบูชาทุกทิศ ๑ เป็นผู้มี ปัญญาคมกล้า ๑ เทวดาทั้งปวงย่อมประพฤติตามเรา ๑ เราย่อมได้โภค สมบัติไม่ขาดสาย ๑ เป็นผู้มีผิวพรรณดังทอง ๑ เป็นผู้มีปฏิภาณในที่ ทั้งปวง ๑ เป็นผู้ไม่หวั่นไหวต่อมิตร ๑ ยศของเราสูงสุด ๑ เราได้เป็น จอมเทวดาเสวยเทวรัชสมบัติอยู่ ๘๐ ครั้ง อันนางอัปสรแวดล้อมเสวยสุข อันเป็นทิพย์ เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗๕ ครั้ง ได้เป็นพระเจ้า ประเทศราชอันไพบูลย์โดยคณนานับมิได้ เมื่อถึงภพที่สุด เราประกอบ ด้วยบุญกรรม เกิดในสกุลพราหมณ์มหาศาลมั่งคั่งที่สุดในนครสาวัตถี เวลาเย็น (วันหนึ่ง) เราต้องการจะเล่น แวดล้อมด้วยพวกเด็ก ออก จากนครแล้ว เข้าไปสู่สังฆาราม ณ ที่นั้น เราได้เห็นพระสมณะผู้พ้นวิเศษ แล้ว ไม่มีอุปธิ ท่านแสดงธรรมแก่เรา และได้ให้สรณะแก่เรา เรา นั้นฟังสรณะแล้ว ระลึกถึงสรณะของเราได้ นั่งอยู่บนอาสนะอันหนึ่ง