พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/79/199 200 201

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
เล่ม 30
หน้า 79

[๑๙๙] นรชนใดในศาสนานี้ มีความรู้ เป็นเวทคู สลัดแล้วซึ่ง บาปธรรมเป็นเครื่องข้องนี้ ในภพน้อยและภพใหญ่ นรชน นั้นเป็นผู้ปราศจากตัณหา ไม่มีทุกข์ ไม่มีความหวัง. เรา กล่าวว่า นรชนนั้นได้ข้ามแล้วซึ่งชาติและชรา.
[๒๐๐] คำว่า วิทฺวา ในอุเทศว่า "วิทฺวา จ โย เวทคู นโร อิธ" ดังนี้ ความว่า ไปแล้วในวิชชา มีญาณ มีปัญญาแจ่มแจ้ง มีปัญญาทำลายกิเลส. คำว่า โย ความว่า ฯลฯ มนุษย์ใด คือ เช่นใด. ญาณในมรรค ๔ ตรัสว่าเวท ในบทว่า เวทคู นรชน นั้น ชื่อว่าเป็นเวทคู เพราะล่วง เสียซึ่งเวททั้งปวง. คำว่า นโร ได้แก่ สัตว์ นระ มาณพ ผู้อันเขาเลี้ยง บุคคล ผู้เป็นอยู่ ผู้ถึงชาติ สัตว์เกิด ผู้ถึงความเป็นใหญ่ ชนผู้เกิดแต่พระมนู. คำว่า อิธ คือ ในทิฏฐินี้ ฯลฯ ในมนุษยโลกนี้ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า นรชนใดใน ศาสนานี้ มีความรู้ เป็นเวทคู.
[๒๐๑] คำว่า ภวาภเว ในอุเทศว่า "ภวาภเว สงฺคมิมํ วิสชฺช" ดังนี้ ความว่า ในภพน้อยและภพใหญ่ คือ ในกรรมภพ (กรรมวัฏ) ในปุนัพภพ (วิปากวัฏ) ในกามภพ (กามธาตุ) ในกรรมภพ ในกามภพ ในปุนัพภพ ในรูปภพ ในกรรมภพ ในรูปภพ ในปุนัพภพ ในอรูปภพ ในกรรมภพ ในวิปากวัฏอันให้เกิดใหม่ในอรูปภพ ในภพบ่อยๆ ในคติบ่อยๆ ในอุปบัติบ่อยๆ ในปฏิสนธิบ่อยๆ ในความเกิดแห่งอัตภาพบ่อยๆ. บาปธรรมเป็นเครื่องข้อง ในบทว่า สงฺคํ มี ๗ อย่าง คือ ราคะ โทสะ โมหะ มานะ ทิฏฐิ กิเลส ทุจริต เป็น เครื่องข้อง. คำว่า สละแล้ว คือ สลัดแล้ว ซึ่งบาปธรรมเป็นเครื่องข้องทั้งหลาย. อีกอย่างหนึ่ง ความว่า เปลื้องปล่อยบาปธรรมทั้งหลายเป็นเครื่องข้อง คือ เป็นเครื่องผูก เครื่องพัน เครื่อง คล้อง เครื่องเกี่ยวข้อง เครื่องผูกพัน เครื่องพัวพัน. เปรียบเหมือนชนทั้งหลายย่อมทำความ ปลดปล่อยยาน คานหาม รถ เกวียน หรือล้อเลื่อน ย่อมให้เสียไป ฉันใด นรชนนั้น สละ สลัดบาปธรรมเป็นเครื่องข้องเหล่านั้น หรือปลดเปลื้องบาปธรรมทั้งหลายเป็นเครื่องข้อง