พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/80/202
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
เป็นเครื่องผูกไว้ เป็นเครื่องพัน เป็นเครื่องคล้องไว้ เป็นเครื่องเกี่ยวข้อง เป็นเครื่องพัวพัน
เป็นเครื่องผูกพัน ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า สลัดแล้วซึ่งบาปธรรมเป็นเครื่องข้องนี้
ในภพน้อยและภพใหญ่.
[๒๐๒] รูปตัณหา สัททตัณหา คันธตัณหา รสตัณหา โผฏฐัพพตัณหา ธรรมตัณหา
ชื่อว่า ตัณหา ในอุเทศว่า "โส วีตตณฺโห อนิโฆ นิราโส อตฺตาริ โสชาติชรนฺติ พฺรูมิ"
ดังนี้ นรชนใดละตัณหานี้แล้ว ... เผาเสียแล้วด้วยไฟคือญาณ นรชนนั้นตรัสว่า เป็นผู้ปราศจาก
ตัณหา คือ เป็นผู้สละตัณหา คายตัณหา ปล่อยตัณหา ละตัณหา สละคืนตัณหา ปราศจาก
ราคะ สละราคะ คายราคะ ปล่อยราคะ ละราคะ สละคืนราคะ ไม่มีความหิว เป็นผู้ดับ
เยือกเย็นแล้ว เสวยสุขอยู่ด้วยตนอันประเสริฐ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า นรชนนั้นเป็นผู้ปราศจาก
ตัณหา.
คำว่า อนิโฆ ความว่า ราคะ โทสะ โมหะ ความโกรธ ความผูกโกรธ ฯลฯ
อกุสลาภิสังขารทั้งปวง เป็นทุกข์. นรชนใดละทุกข์เล่านี้แล้ว ... เผาเสียแล้วด้วยไฟ คือ ญาณ
นรชนนั้นตรัสว่า ไม่มีทุกข์.
คำว่า ไม่มีความหวัง ความว่า ตัณหา ราคะ สาราคะ ฯลฯ อภิชฌา โลภะ อกุศลมูล
ตรัสว่าความหวัง. นรชนใดละความหวัง คือ ตัณหานี้แล้ว ... เผาเสียแล้วด้วยไฟ คือ ญาณ
นรชนนั้นตรัสว่า ไม่มีความหวัง.
ความเกิด ความเกิดพร้อม ... ความได้เฉพาะซึ่งอายตนะทั้งหลาย ในหมู่สัตว์นั้นๆ
แห่งสัตว์นั้นๆ ชื่อว่าชาติ. ความแก่ ความเสื่อม ... ความแก่แห่งอินทรีย์ทั้งหลายในหมู่สัตว์
นั้นๆ แห่งสัตว์นั้นๆ ชื่อว่า ชรา. ความตาย ความจุติ ... ความทอดทิ้งซากศพ ความขาด
แห่งชีวิตินทรีย์ทั้งหลาย จากหมู่สัตว์นั้นๆ แห่งสัตว์นั้นๆ ชื่อว่ามรณะ. คำว่า นรชนนั้น
เป็นผู้ปราศจากตัณหา ไม่มีความทุกข์ ไม่มีความหวัง เรากล่าวว่า นรชนนั้นได้ข้ามแล้ว ซึ่ง
ชาติชรา ความว่า นรชนนั้นใดเป็นผู้ปราศจากตัณหา ไม่มีทุกข์ ไม่มีความหวัง เรากล่าว
บอก ... ประกาศว่า นรชนนั้นได้ข้ามแล้ว คือ ข้ามพ้น ก้าวล่วง เป็นไปล่วง ซึ่งชาติ ชรา
และมรณะ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า นรชนนั้นเป็นผู้ปราศจากตัณหา ไม่มีทุกข์ ไม่มีความหวัง
เรากล่าวว่า นรชนนั้นได้ข้ามแล้วซึ่งชาติและชรา. เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า