พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/82/203 204 205

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
เล่ม 30
หน้า 82
โธตกมาณวกปัญหานิทเทส ว่าด้วยปัญหาของท่านโธตกะ
[๒๐๓] (ท่านโธตกะทูลถามว่า) ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ขอทูลถามปัญหานั้น. ขอ พระองค์โปรดตรัสบอกปัญหานั้นแก่ข้าพระองค์. ข้าแต่พระ องค์ผู้แสวงหาธรรมอันใหญ่ ข้าพระองค์ย่อมหวังพระวาจา ของพระองค์. บุคคลได้ฟังพระดำรัสของพระองค์แล้ว พึง ศึกษานิพพานเพื่อตน.
[๒๐๔] คำถามในคำว่า ปุจฺฉามิ ในอุเทศว่า "ปุจฺฉามิ ตํ ภควา พฺรูหิ เม ตํ" ดังนี้ มี ๓ อย่าง คือ อทิฏฐโชตนาปุจฺฉา ๑ ทิฏฐสังสันทนาปุจฉา ๑ วิมติเฉทนาปุจฉา ๑. ฯลฯ ปุจฉา ๓ อย่างนี้ ฯลฯ ถามถึงนิพพาน. คำว่า ปุจฺฉามิ ตํ ความว่า ข้าพระองค์ขอทูลถาม คือ ทูลวิงวอน ทูลเชื้อเชิญ ทูลให้ ประสาทปัญหานั้น ขอพระองค์จงตรัสบอกปัญหานั้นแก่ข้าพระองค์ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ข้าพระองค์ขอทูลถามปัญหานั้น. คำว่า ภควา นี้ เป็นเครื่องกล่าวโดยเคารพ ฯลฯ คำว่า ภควา นี้ เป็นสัจฉิกาบัญญัติ. คำว่า พฺรูหิ เม ตํ ความว่า ขอพระองค์โปรดตรัสบอก คือ โปรดบอก ... ขอทรงโปรด ประกาศ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ขอทูลถามปัญหานั้น ขอ พระองค์โปรดตรัสบอกปัญหานั้นแก่ข้าพระองค์. คำว่า อิจฺจ ในอุเทศว่า "อิจฺจายสฺมา โธตโก" ดังนี้ เป็นบทสนธิ. คำว่า อายสฺมา เป็นเครื่องกล่าวด้วยความรัก. คำว่า โธตโก เป็นชื่อ ฯลฯ เป็นคำร้องเรียกของพราหมณ์นั้น เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ท่านพระโธตกะทูลถามว่า.
[๒๐๕] คำว่า ข้าแต่พระองค์ผู้แสวงหาธรรมใหญ่ ข้าพระองค์ย่อมหวังพระวาจาของ พระองค์ มีความว่า ข้าพระองค์ย่อมหวัง คือ ย่อมจำนง ปรารถนา ยินดี ประสงค์ รักใคร่ ชอบใจ ซึ่งพระดำรัส คือ คำเป็นทาง เทศนา อนุสนธิ ของพระองค์.