พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/83/206 207
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
คำว่า มเหสี ความว่า ชื่อว่ามเหสีเพราะอรรถว่ากระไร? ชื่อว่ามเหสีเพราะอรรถว่า
พระผู้มีพระภาคทรงแสวงหา เสาะหา ค้นหา ซึ่งศีลขันธ์ใหญ่ ฯลฯ พระนราสภประทับที่ไหน
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า มเหสี เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่า ข้าแต่พระองค์ผู้แสวงหาธรรมใหญ่
ข้าพระองค์ย่อมหวังเฉพาะซึ่งพระวาจาของพระองค์.
[๒๐๖] คำว่า บุคคลได้ฟังพระดำรัสของพระองค์แล้ว ความว่า บุคคลได้ฟัง คือ ได้ยิน
ศึกษา เข้าไปทรงจำ เข้าไปกำหนดแล้ว ซึ่งพระดำรัส คือ คำเป็นทาง เทศนา อนุสนธิของ
พระองค์ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า บุคคลได้ฟังพระดำรัสของพระองค์แล้ว.
[๒๐๗] สิกขา ในคำว่า สิกฺเข ในอุเทศว่า "สิกฺเข นิพฺพานมตฺตโน" ดังนี้ มี ๓
อย่าง คือ อธิสีลสิกขา ๑ อธิจิตตสิกขา ๑ อธิปัญญาสิกขา ๑ ฯลฯ นี้ชื่ออธิปัญญาสิกขา.
คำว่า นิพฺพานมตฺตโน ความว่า พึงศึกษาแม้อธิศีล แม้อธิจิต แม้อธิปัญญา เพื่อดับ
ราคะ โทสะ โมหะ โกธะ อุปนาหะ เพื่อสงบ เพื่อเข้าไปสงบ เพื่อสงบวิเศษ เพื่อดับ
เพื่อสละคืน เพื่อระงับ ฯลฯ อกุสลาสังขารทั้งปวง เพื่อนึกถึงสิกขา ๓ อย่างนี้ก็พึงศึกษา
เมื่อรู้ก็พึงศึกษา เมื่อเห็นก็พึงศึกษา เมื่อพิจารณาก็พึงศึกษา เมื่ออธิษฐานจิตก็พึงศึกษา เมื่อ
น้อมใจไปด้วยศรัทธาก็พึงศึกษา เมื่อประคองความเพียรก็พึงศึกษา เมื่อเข้าไปตั้งสติก็พึงศึกษา
เมื่อตั้งจิตก็พึงศึกษา เมื่อรู้ด้วยปัญญาก็พึงศึกษา เมื่อรู้ยิ่งด้วยปัญญาอันรู้ยิ่งก็พึงศึกษา เมื่อ
กำหนดรู้ด้วยปัญญาเครื่องกำหนดรู้ก็พึงศึกษา เมื่อละธรรมที่ควรละก็พึงศึกษา เมื่อเจริญธรรมที่
ควรเจริญก็พึงศึกษา เมื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้งก็พึงศึกษา สมาทานประพฤติ
สมาทานปฏิบัติไป เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า พึงศึกษานิพพานเพื่อตน. เพราะเหตุนั้น พราหมณ์
นั้นจึงกล่าวว่า
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ขอทูลถามปัญหานั้น. ขอ
พระองค์จงตรัสบอกปัญหานั้นแก่ข้าพระองค์. ข้าแต่พระองค์
ผู้แสวงหาธรรมอันใหญ่ ข้าพระองค์ย่อมหวังพระวาจาของ
พระองค์. บุคคลได้ฟังพระดำรัสของพระองค์แล้ว พึงศึกษา
นิพพานเพื่อตน.