พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/91/228 229
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
แหละ เป็นผู้นั่งอยู่แล้วในบริษัทนี้นี่แหละ แม้เพราะเหตุอย่างนี้ดังนี้ จึงชื่อว่า เป็นผู้สงบอยู่
ในที่นี้นี่แหละ.
อีกอย่างหนึ่ง ข้าพระองค์สงบ เข้าไปสงบ เข้าไปสงบวิเศษ ดับระงับแล้ว ในที่นี้
นี่แหละ แม้ด้วยเหตุอย่างนี้ดังนี้ จึงชื่อว่า เป็นผู้สงบอยู่ในที่นี้นี่แหละ.
"คำว่า อสิโต ความว่า นิสัยมี ๒ อย่าง คือ ตัณหานิสัย ๑ ทิฏฐินิสัย ๑ ฯลฯ
นี้ชื่อว่าตัณหานิสัย. ฯลฯ นี้ชื่อว่าทิฏฐินิสัย. ข้าพระองค์ละตัณหานิสัย สละคืนทิฏฐินิสัย
ไม่อาศัย จักษุ โสตะ ฆานะ ชิวหา กาย ใจ ไม่อาศัยรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
ธรรมารมณ์ ไม่อาศัย สกุล คณะ อาวาส ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ไม่อาศัยจีวร บิณฑบาต
เสนาสนะ คิลานเภสัชบริขาร ไม่อาศัยกามธาตุ รูปธาตุ อรูปธาตุ ไม่อาศัยกามภพ รูปภพ
อรูปภพ ไม่อาศัยสัญญาภพ อสัญญาภพ เนวสัญญานาสัญญาภพ ไม่อาศัยเอกโวการภพ
จตุโวการภพ ปัญจโวการภพ ไม่อาศัยอดีต อนาคต ปัจจุบัน ไม่อาศัย ไม่แอบ ไม่เข้าถึง
ไม่พัวพัน ไม่น้อมใจ ออก สละ พ้นขาดแล้วซึ่งรูปที่ได้เห็น เสียงที่ได้ฟัง อารมณ์ที่ได้ทราบ
และธรรมที่พึงรู้แจ้ง มีจิตอันทำให้ปราศจากเขตแดนอยู่ เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่าไม่อาศัย.
คำว่า จเรยฺยํ ความว่า พึงเที่ยวไป เที่ยวไปทั่ว ผลัดเปลี่ยนอิริยาบถ ประพฤติไป
เป็นไป เยียวยา เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ข้าพระองค์เป็นผู้สงบอยู่ ในที่นี้นี่แหละ ไม่อาศัยแล้ว
พึงเที่ยวไป. เพราะเหตุนั้น พราหมณ์นั้นจึงกล่าวว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ ขอพระองค์โปรดทรงพระกรุณา
ตรัสสอนธรรมอันสงัดที่ข้าพระองค์พึงรู้ได้. ข้าพระองค์ไม่
ขัดข้องเหมือนอากาศ เป็นผู้สงบอยู่ในที่นี้นี่แหละ ไม่อาศัย
แล้ว พึงเที่ยวไป.
[๒๒๘] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรโธตกะ) เราจักบอกความ
สงบในธรรมที่เราเห็นแล้ว อันประจักษ์แก่ตนแก่ท่าน ที่
บุคคลได้ทราบแล้วเป็นผู้มีสติเที่ยวไป พึงข้ามตัณหาอันซ่าน
ไปในอารมณ์ต่างๆ ในโลกได้.
[๒๒๙] คำว่า เราจักบอกความสงบ ... แก่ท่าน ความว่า เราจักบอก คือ จักเล่า ...
จักประกาศซึ่งความสงบราคะ ความสงบโทสะ ความสงบโมหะ ความสงบ เข้าไปสงบ ความ